วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เจาะเทรนด์สาวไทยทำสวยด้วย ‘การฉีดโบ’

ผู้หญิงอย่าหยุดสวย..เจาะเทรนด์สาวไทยทำสวยด้วย ‘การฉีดโบ’


แต่ข้อมูลความรู้ที่รับมายังไม่ถูกต้อง 100% ทำให้หลายคนเข้าใจผิดและกังวลว่าหากฉีดโบมาแล้วหน้าจะแข็ง มีสารตกค้าง หรือมีผลข้างเคียงตามมา

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า โบทูไลนุม ท็อกซิน (Botulinum Toxin A) คือ โปรตีนที่สกัดจากคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) มีฤทธิ์ทำให้ “กล้ามเนื้อคลายตัวและลดการทำงานลง” ถูกนำมาใช้ครั้งแรกทางการแพทย์ โดยใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตากระตุก และด้วยความบังเอิญจากการฉีดรักษาในบริเวณรอบดวงตานี้เอง ทำให้แพทย์พบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและหางตาดีขึ้น นอกจากนี้โบทูไลนุมยังถูกนำมาใช้เพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ และรักษาอาการปวดศีรษะปวดเกร็งต้นคออีกด้วย


โดยทั่วไปแล้ว โบทูไลนุม จะมีฤทธิ์ประมาณ 6 เดือนตามปริมาณและความเข้มข้นที่ฉีด ซึ่งผลข้างเคียงอย่างอาการหน้าแข็งและสารตกค้างนั้น ขึ้นอยู่กับความชำนาญ และประการณ์ของแพทย์ที่ฉีด และที่สำคัญการเลือกแบรนด์โบทูไลนุม ท็อกซินที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุผลเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจฉีดโบของสาวไทยลดลง และที่น่าสนใจคือตัวเลขสถิติต่างๆ รวมถึงปัจจัยในการตัดสินใจฉีดโบของสาวไทย ที่ Marketeer นำมาฝากกัน
จากผลการสำรวจ พฤติกรรมการรับบริการ ‘ฉีดโบ’ ของกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงไทยจำนวน 1,000 คน โดย Numbers 10 Research ในเดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่า ร้อยละ 14 ของกลุ่มตัวอย่าง หรือ 1.4 คนใน 10 คน ยอมรับว่าตนเองเข้ารับบริการ ฉีดโบ ในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการเสริมความงามด้วยวิธีการอื่น รองลงมาคือการทำ Laser Treatments เช่น IPL และ Ultra Deep Treatments เช่น Ionto ร้อยละ 10 เท่ากันตามลำดับ

ปัจจัยในการเลือกรับบริการ ฉีดโบ
ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้สาวๆ เลือกรับบริการ ฉีดโบ ในครั้งแรกคือ เพื่อนและคนใกล้ตัว 38% โดยมีการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ จากเพื่อนและคนสนิท รวมถึงการขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และข้อมูลรีวิวจากผู้มีประสบการณ์ตรง โดยสาวไทยใช้เวลาคิดและตัดสินใจทำในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ และนอกจากนั้นแล้วยังเข้ารับบริการซ้ำในทุกๆ 5.69 เดือน

เหตุผลที่สาวไทยเลือกรับบริการ ฉีดโบ
3 อันดับแรกคือ เพื่อต้องการปรับรูปหน้าให้เข้ารูป 63% เพื่อลดเลือนริ้วรอยต่างๆ อาทิ รอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผาก 61% และเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ 47% ตามลำดับ
โดย 3 บริเวณบนใบหน้าสาวไทยมองว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการฉีดโบ ได้แก่ ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก 63% กรามใหญ่ (ลดกราม) 61% และลดรอยตีนกา 45%
สิ่งสำคัญในการเข้ารับบริการ
หลังจากตัดสินใจรับบริการฉีดโบแล้ว สิ่งที่ผู้หญิงไทยให้ความสำคัญทีสุดในการรับบริการ คือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 31% ชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญของแพทย์ 25% และความน่าเชื่อถือของคลินิก 24% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังเลือกแบรนด์โบทูไลนุม ท็อกซินที่น่าเชื่อถือ โดยพิจารณาจากแหล่งประเทศผู้ผลิต เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ เยอรมนี และอังกฤษ เป็นต้น โดยคุณสมบัติของโบทูไลนุม ท็อกซิน ที่ต้องการคือ ได้รับการรับรองจาก อย. และไม่มีสารสะสมตกค้าง 93% ไม่เสี่ยงต่อการดื้อโบ 86% และให้ความรู้สึกสบายหน้า สามารถขยับหน้าได้ตามอารมณ์ 84% ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่วิตกกังวล นั่นคือ กลัวหน้าตึง หนักหน้า ไม่สามารถสื่ออารมณ์ได้ 58% กลัวแพ้สารโบทูไลนุม ท็อกซิน 55% และกลัวสารสะสมตกค้าง 40%
 แม้ตัวเลขผลการสำรวจพฤติกรรมการรับบริการ ‘ฉีดโบ’ ของสาวไทยจะเพิ่มขึ้น แต่อย่างที่กล่าวในตอนแรกว่า สาวๆ ยังคงมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นฉีดแล้วหน้าตึง รู้สึกหนัก อึดอัดไม่สบายหน้าจนเกินไป หรือฉีดแล้วมีสารตกค้างหรือมีอาการดื้อโบ นอกจากความเชี่ยวชาญของแพทย์และความน่าเชื่อถือของคลินิกที่ใช้เป็นปัจจัยใจการเลือกแล้ว สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งคือคุณภาพของโบทูไลนุมท็อกซิน โดยพิจารณาจากแบรนด์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ความน่าเชื่อถือของบริษัทและประเทศที่ผลิต รวมถึงผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายที่ได้รับการยอมรับ
เชื่อว่าปี 2018 เทรนด์การฉีดโบยังคงอยู่และจะอยู่ไปอีกนานในวงการความงามของไทย สำหรับสาวๆ ที่มีแพลนจะฉีดโบหรือกำลังตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัย Marketeer ขอแนะนำว่า ให้เลือกแบรนด์โบทูไลนุม ท็อกซินที่น่าเชื่อถือ เลือกคลินิกที่ถูกกฎหมาย และที่สำคัญ ต้องฉีดกับแพทย์เท่านั้น


ทั้งนี้ เพื่อให้การเสริมความงามด้วยการฉีดโบมีประสิทธิภาพ ปรับรูปหน้าและลดริ้วร้อยได้ตามต้องการ ให้สาวไทยสวยและมั่นใจมากขึ้น “เมิร์ซ เอสเธติกส์ สนับสนุนทุกแรงบันดาลใจความงาม”

FB: Merz Aesthetics Thailand

Website : www.merzclubthailand.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น