วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

โบทูลินั่ม ท็อกซิน คืออะไร

น้องๆถามมาเยอะ ว่า โบทูลินั่ม ท็อกซิน
(Botulinum toxin)มันคืออะไร พี่อุ๋ยเลยไปหาข้อมูลมาให้  มันคือชื่อที่เราคุ้นเคย โบท็อกซ์ (Botox)


           เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum)ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ และทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวทำงานลดลงได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีการพัฒนานำมาใช้ในด้านการแพทย์มากขึ้น
โบทูลินั่ม ท็อกซิน มีทั้งหมด 7 ชนิด ตั้งแต่ชนิด A ถึงชนิด G แพทย์ทราบมานานหลายสิบปีแล้วว่าหากฉีดเข้ากล้ามเนื้อในปริมาณน้อยๆ โบทูลินั่ม ท็อกซินจะทำให้กล้ามเนื้อ “คลายตัว” ในยุคแรกๆ จักษุแพทย์นำโบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และโดยบังเอิญจากการฉีดรักษาในบริเวณรอบดวงตานี้เองทำให้แพทย์พบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้วและรอบดวงตาดีขึ้นด้วย อ่านแล้วดูยากไปนะว่าเปล่า เอาที่เข้าใจว่า วงการความสวยความงามเข้ามามาใช้ลดริ้วรอย ทำให้มันกล้ามเนื้อเล็กลง


การฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อประโยชน์ในด้านความงามตามมาอย่างแพร่หลายและมีเทคนิควิธีการที่ต่างๆ กันออกไป มีการนำมาฉีดเพื่อช่วยในการปรับรูปหน้า และยกกระชับผิวหนัง ลดการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือตลอดจนรักษาอาการปวดศีรษะปวดเกร็งต้นคอ และอีกหลายกรณี

โบทูลินั่ม ท็อกซิน มีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน คือส่วนโปรตีนที่ออกฤทธิ์ มีขนาด 150 กิโลดัลตัน (kDA) และส่วนเปลือกหุ้มมีขนาด 350-750 กิโลดัลตัน ยิ่งมีเปลือกหนา โอกาสที่โบทูลินั่ม ท็อกซิน จะเข้าถึงบริเวณที่ต้องการได้ดี

* มีความเสี่ยงของการรักษาที่ไม่ได้ผล หรืออาจเกิดผลข้างเคียงได้ ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล *

ส่วนจะเอายี้ห้อไหนประเทศไหน เดี่ยวพี่อุ๋ยจะเขียนอธิบายไว้เพิ่มเเติมนะจ้า ก่อนสวยก็อน่ายสักนิด



เคดิตข้อมูลจาก
นพ.นวสวัสดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Botox (Allergan มาตราฐาน FDA สหรัฐอเมริกา, Neuronox มาตราฐาน FDA เกาหลี)

สารโบทูลินั่มท๊อกซิน

บริสุทธิ โดยการฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อที่ต้องการลดริ้วรอย ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถใช้ลดริ้วรอยเล็กๆ และริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า Botox ใช้ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ตีนกา รอยขมวดคิ้ว ใช้ในการลดขนาดกล้ามเนื้อทำให้ ใบหน้าเล็กลง ลดน่อง และใช้ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ได้ด้วย


(กรณีลดเหงื่อ Botox จะช่วยในการผลิตเหงื่อ โดยการยับยั้งการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ Sympathetic ที่ควบคุมต่อมเหงื่อ ทำให้ผลิตต่อมเหงื่อลดลง ทำให้กลิ่นเหงื่อลดลงด้วย)



Botox Lift กระชับใบหน้า

Meso Botox ยกกระชับ ลดริ้วรอยทั่วใบหน้ารวมถึงลำคอ ให้ดูอ่อนวัย
V – Shape หน้าเรียวเล็ก สไตล์เกาหลี
ปีกจมูก
หน้าผาก
หางตา
หว่างคิ้ว
Botox รักแร้
Botox น่อง





Botox คืออะไร ?

Botox เป็นสารโปรตีนบริสุทธิ์ ชื่อเต็มๆ ว่า Botulinin Toxin ซึ่งสกัดจากโปรตีน Clostridium Botulinum ( Type A ) ที่ฮิตติดอันดับหนึ่ง ของวงการความงามที่ทั่วโลกนั่นเพราะ Botox มีประสิทธิภาพคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ โดย Botox ใช้รักษาริ้วรอยที่เกิดจากกล้ามเนื้อ คือเมื่อกล้ามเนื้อเราหดเกร็งและเป็นอยู่แบบนั้นบ่อยๆ เข้า มันก็จะเกิดรอยย่น เรา ก็ใช้ Botox มาเป็นตัวรักษา ซึ่งจะเป็นการฉีดเพื่อไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่เกิดรอยย่นนั้นทำงานน้อยลง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่ทำงานมากเกินไป เช่น รอยขมวดคิ้ว ซึ่งบางคนเป็นเหมือนนิสัยไปแล้วว่าเครียดนิดเครียดหน่อยก็ขมวดคิ้ว ซึ่งก็จะทำให้หัวคิ้วเกิดรอยย่นได้



โดยส่วนใหญ่ในการฉีด Botox ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากที่ฉีดไปแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วก็จะยังคงสามารถอยู่สภาพนั้นได้ประมาณ 6 -8 เดือน ซึ่งถ้าฉีดโดยแพทย์ที่ชำนาญโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย และการฉีด Botox ในการปรับแต่งรูปหน้าต้องใช้ศิลป์ มุมมองและองศา เพื่อให้ดึงความโดดเด่นของแต่ละคนออกมา ซึ่งแต่ละคนก็จะมีจุดโดดเด่นที่ต่างกัน ซึ่งฝีมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ





"ฟารีดาคลินิก" ใช้ Botox ยี่ห้อไหน ?

1.Botulinum toxin type A ยี่ห้อ Allergan USA ผ่าน อย ไทย ซึ่งได้รับการยอมรับทั่วโลกว่ายี่ห้อนี้ดีที่สุด อยู่ได้นาน 6 - 12 เดือน ปลอดภัย ฉีดแล้วสวยและเป็นธรรมชาติมากกว่ายี่ห้ออื่น
2.Botulinum toxin type A ยี่ห้อ Neuronox เกาหลี ซึ่งผ่าน อย ไทยเช่่นกัน




Botox อเมริกา
(Allergan)
Botox เกาหลี
(Neuronox)






Botox ดูแลได้ส่วนไหนได้บ้าง ?

หน้าผาก รอยย่นบริเวณนี้มักเกิดจากการที่เรายักคิ้วขึ้น การฉีดจะต้องฉีดหลายจุด คือเห็นรอยตรงไหนก็ฉีดที่ตรงนั้นเลย ตรงนี้เป็นจุดที่ฉีดแล้วผลการรักษามักจะอยู่ได้ยาวนานกว่าส่วนอื่นๆ อาจจะประมาณ 8 เดือน เพราะในชีวิตประจำวันเราไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อตรงนี้มากนัก


หว่างคิ้ว ฉีดเพื่อลดรอยย่นของคนที่ชอบขมวดคิ้ว เช่นคนที่เครียดนิดหน่อยก็ขมวดคิ้ว ก็จะเกิดริ้วรอยที่บริเวณนี้ได้ง่ายการฉีดจะประมาณ 3-5 จุด เมื่อฉีดหว่างคิ้วมันจะทำให้คิ้วมีการยกตัวขึ้น ชั้นของหนังตาจึงถูกดึงขึ้นมาด้วย


ยกคิ้ว ยกหางตา การฉีดยกคิ้วช่วยแก้ไขปัญหาของหลาย ๆ คนที่ คิ้วตก หางตาตก ทำให้ดวงตาและใบหน้าไม่สดใส ดูเศร้าหมองตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยให้หางคิ้ว หางตาดูเฉียวทันสมัย ภาพลักษณ์มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น
ตีนกา เวลาฉีดหมอจะให้คนไข้ยิ้ม แล้วพอเห็นรอยตีนกาตรงไหนเราก็ฉีดไปตรงนั้น ส่วนใหญ่ก็บริเวณหางตา ซึ่งบริเวณนี้ถ้ามีริ้วรอยมากจะดูแก่ขึ้นทันที แต่หากแก้ไขริ้วรอยเหล่านี้ไป ใบหน้าคุณจะดูอ่อนเยาว์ลง 3 -5 ปี เลยทีเดียว
ข้างจมูก ปีกจมูก สำหรับคนที่ปีกจมูกบานก็สามารถฉีดเพื่อให้ปีกจมูกลดลงได้ เพราะโดยหลักการแล้วการที่ปีกจมูกเราบานเป็น เพราะกล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีการหดขยาย ซึ่งอาจจะดึงทำให้ปีกจมูกยกขึ้นและจมูกดูใหญ่ พอเราฉีดปีกจมูกกล้ามเนื้อนั้นทำงานน้อยลง มันก็จะไม่ยก ปีกจึงดูจมูกเล็ก โดยการฉีดเราจะฉีดข้างละ 1 จุด


หน้าเรียว V-Shape ใบหน้าดูเรียวเล็กสไตล์เกาหลี ฉีดข้างละประมาณ 5 จุด มีสองอย่างคือคนที่กรามใหญ่ เราก็ไปฉีดตรงกรามเพื่อลดกล้ามเนื้อตรงส่วนนั้นให้เล็กลง รูปหน้าก็จะเรียวขึ้น ใบหน้าบริเวณขากรรไกรเรียวขึ้น ในการทำหมอจะให้คนไข้กัดฟัน แล้วกล้ามเนื้อบริเวณกรามก็จะขึ้นมาให้เห็นชัดเจน เราก็จะฉีดไปที่บริเวณนั้น


ยกแก้ม Botox Lift จะเป็นการยกกระชับบริเวณแก้ม สำหรับคนแก้มหย่อยคล้อย และเนื้อบริเวณแก้มตกลงมา เราจะมีการยกแก้มขึ้นโดยจะเก็บตั้งแต่แก้มล่าง แก้มบนให้ตกขึ้นไม่ดูหย่อนคล้อย

คอ ฉีดข้างละประมาณ 5-10 จุด ซึ่งจะฉีดเท่าไหร่หมอจะเป็นผู้พิจารณา ที่เข้ามาฉีด Botox ที่คอมักจะเริ่มที่คอเป็นชั้นๆ ริ้วๆ และมีรอยเหี่ยวย่นที่คอ หมอก็จะให้คนไข้กัดฟันเพื่อให้เห็นลำของกล้ามเนื้อ แล้วก็ฉีดไปตามแนวรอยที่ขึ้น

ยกกระชับทั่วทั้งใบหน้า Meso Botox เป็นการฉีดเก็บใบหน้าลดความเหี่ยวย่น ทั่วทั้งใบหน้าตั้งแต่หน้าผาก หางตา หว่างคิ้ว ยกแก้ม รวมไปถึงลำคอ โดยใช้ศาสตร์และศิลป์ มากพอสมควร จะปรับแต่งให้ใบหน้าดูดีขึ้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งมากไป ให้ดูสวยแบบธรรมชาติมากที่สุด
รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า (ลดเหงื่อ) ฉีดประมาณ 20 จุด ใช้สำหรับคนที่มีปัญหามีเหงื่อออกเยอะ และเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อ ซึ่งจะฉีดแค่ตื้นๆ ไม่ลึกเหมือนการฉีดริ้วรอย เป็นการฉีดเพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อ เพื่อไม่ให้ผลิตเหงื่อออกไปมาก
น่อง ฉีดให้กับคนที่น่องโต ซึ่งการโตจะมี 2 ประเภท คือ โตเพราะอ้วน กับโตเพราะกล้ามเนื้อ การฉีดฺBotox จะทำในกรณีที่โตเพราะกล้ามเนื้อ ซึ่งจะเห็นกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นมัดๆ ในการฉีดลดน่องอาจต้องมาฉีดหลายครั้งหน่อย อาจจะ 3 เดือนมาฉีดสักครั้งหนึ่ง เพราะเราต้องเดินทุกวัน กล้ามเนื้อส่วนนี้ก็ต้องทำงานทั้งวันทุกวัน โดยเฉพาะสาวที่ใส่ส้นสูงยิ่งต้องใช้มาก




การฉีด Botox ดีอย่างไร ?


เป็นสารที่ปลอดภัย เพราะสามารถสลายไปเองด้วยร่างกายของเราทั้งหมด ไม่ตกค้าง
ใช้เวลาในการฉีดเพียง 5 – 10 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ
ไม่ต้องพบกับข้อเสียจากการผ่าตัด เช่น บวม, ปวดแผล, มีแผลเป็น หรือ ข้อแทรกซ้อนอื่นๆ ที่รุนแรง
ใช้ยาปริมาณเพียงเล็กน้อยในการฉีด และใช้เข็มที่มีขนาดเล็กที่สุดในการฉีด ซึ่งจะรู้สึกเหมือนมดกัดเท่านั้น
เห็นผลเร็ว เพียงไม่กี่วันคุณจะรู้สึกได้ว่า ริ้วรอย หายไป
ใช้ได้ผลดีเท่าๆ กัน ทั้ง ผู้หญิง และ ผู้ชาย
สามารถนำไปใช้ร่วมกับ ร้อยไหม คอลลาเจน ฟิลเลอร์ หรือ เลเซอร์ ได้



ใครบ้างที่ห้ามการฉีด Botox ?


มีปัญหาแพ้ Botox หรือ โปรตีน Albumin
ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร
มีความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้ออยู่แล้ว เช่น มัยแอสทีเนีย Myasthenia Gravis หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอื่น
เลือดออกง่ายผิดปกติ
คนที่รับประทานยาบางตัวมีผลต่อ Botox เช่น ยากลุ่มยาแอนติไบโอติกส์ ควินิน





ก่อนฉีด Botox ควรปฏิบัติตัวเองอย่างไร ?


สอบถามข้อมูลจากแพทย์ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง
ปฎิบัติกิจวัตรประจำวันตามปกติ ทำจิตใจให้สบาย
ไม่ รับประทานยาแก้ปวดจำพวกแอสไพรินหรือยากลุ่ม NSAID, ยาขยายหลอดเลือดหรือยาป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ก่อนได้รับการฉีด 7 วัน เพื่อป้องกันเลือดออก
เช็ดเครื่องสำอางออก ล้างหน้าให้สะอาด
ประคบด้วยความเย็นบริเวณที่จะฉีดเพื่อลดอาการปวด





หลังจากฉีด Botox ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?


ภายหลังฉีด ควรอยู่ในท่านั่ง หรือยืนประมาณ 4 ชม. เพื่อกันการไหลของยาไปที่อื่น
ใช้กล้ามเนื้อ คือ ขมวดคิ้วบ่อยๆ ให้ยาจับกับตัวรับดีๆ
อาจมีจ้ำเลือดเล็กๆ ไม่ต้องทำอะไร
ไม่ควรอบซาวน่า, การทำเลเซอร์ หรือ การให้หน้าโดนความร้อน 1 สัปดาห์ ไม่งั้น Botox จะสลายก่อนจะออกฤทธิ์เต็มที่ เสียดายของนะจะบอกให้
ห้ามนวดหน้าแรงๆ หรือ ทำทรีตเม้นท์ด้วยเครื่องที่เกี่ยวกับการผลักยา 2 สัปดาห์ เพราะอาจจะผลักBotox ให้ลงไปลึกเกินกว่าที่ต้องการ ทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้ เช่น หนังตาตก เป็นต้น
ใช้เครื่องสำอางค์ได้ตามปกติ
อาจมีอาการตึงหนักหน้าใน 3 - 4 วัน เป็นปกติ ไม่ต้องกังวล หายไปใน 1 - 2 สัปดาห์ ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 5 วัน เต็มที่ใน 2 - 4 สัปดาห์



ฟารีดาคลินิก ใช้ผลิตภัณฑ์ "Botox อเมริกา แบรนด์ Allergan" ของแท้จาก บริษัท Allergan (Thailand) จำกัด เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งแต่เพียงผู้เดียวของ Allergan USA, Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา ในการนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ของ Allergan

สามารถขอดูกล่อง,ขวด,เลขที่ LOT,เอกสารกำกับยาและ วิธีการ ผสมยาได้ค่ะ


หมายเหตุ: สำหรับผลิตภัณฑ์ "Botox เกาหลี แบรนด์ Neuronox" ทางคลินิกใช้ของเท้จาก บริษัท Celeste (Thailand) จำกัด เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งแต่เพียงผู้เดียวของ Medy-Tox Inc. ประเทศเกาหลี ในการนำเข้าและ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ของ Neuronox ซึ่งสามารถขอดูกล่อง และขวดได้เช่นกันค่ะ


มาทำความรู้จักกับ Allergan อเมริกา

Botox แท้ new packaging มาให้เพื่อนๆดูด้วยค่ะ


Botox แท้ ของ Allergan 50 units packaging ใหม่


Botox แท้ ของ Allergan 100 units packaging ใหม่



นอกจากนี้ สิ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเป็น Botox แท้คือ ก่อนผสมยาในขวดยาจะไม่มีผงยาแม้แต่น้อยแต่จะเห็นเป็นคราบสีขาวขุ่นอยู่ทีก้นขวด เนื่องจากใช้เทคนิคการผลิตที่ไม่เหมือนใคร ที่เรียกว่า Vacuum drying process


เจาะเทรนด์สาวไทยทำสวยด้วย ‘การฉีดโบ’

ผู้หญิงอย่าหยุดสวย..เจาะเทรนด์สาวไทยทำสวยด้วย ‘การฉีดโบ’


แต่ข้อมูลความรู้ที่รับมายังไม่ถูกต้อง 100% ทำให้หลายคนเข้าใจผิดและกังวลว่าหากฉีดโบมาแล้วหน้าจะแข็ง มีสารตกค้าง หรือมีผลข้างเคียงตามมา

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า โบทูไลนุม ท็อกซิน (Botulinum Toxin A) คือ โปรตีนที่สกัดจากคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) มีฤทธิ์ทำให้ “กล้ามเนื้อคลายตัวและลดการทำงานลง” ถูกนำมาใช้ครั้งแรกทางการแพทย์ โดยใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตากระตุก และด้วยความบังเอิญจากการฉีดรักษาในบริเวณรอบดวงตานี้เอง ทำให้แพทย์พบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและหางตาดีขึ้น นอกจากนี้โบทูไลนุมยังถูกนำมาใช้เพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ และรักษาอาการปวดศีรษะปวดเกร็งต้นคออีกด้วย


โดยทั่วไปแล้ว โบทูไลนุม จะมีฤทธิ์ประมาณ 6 เดือนตามปริมาณและความเข้มข้นที่ฉีด ซึ่งผลข้างเคียงอย่างอาการหน้าแข็งและสารตกค้างนั้น ขึ้นอยู่กับความชำนาญ และประการณ์ของแพทย์ที่ฉีด และที่สำคัญการเลือกแบรนด์โบทูไลนุม ท็อกซินที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุผลเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจฉีดโบของสาวไทยลดลง และที่น่าสนใจคือตัวเลขสถิติต่างๆ รวมถึงปัจจัยในการตัดสินใจฉีดโบของสาวไทย ที่ Marketeer นำมาฝากกัน
จากผลการสำรวจ พฤติกรรมการรับบริการ ‘ฉีดโบ’ ของกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงไทยจำนวน 1,000 คน โดย Numbers 10 Research ในเดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่า ร้อยละ 14 ของกลุ่มตัวอย่าง หรือ 1.4 คนใน 10 คน ยอมรับว่าตนเองเข้ารับบริการ ฉีดโบ ในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการเสริมความงามด้วยวิธีการอื่น รองลงมาคือการทำ Laser Treatments เช่น IPL และ Ultra Deep Treatments เช่น Ionto ร้อยละ 10 เท่ากันตามลำดับ

ปัจจัยในการเลือกรับบริการ ฉีดโบ
ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้สาวๆ เลือกรับบริการ ฉีดโบ ในครั้งแรกคือ เพื่อนและคนใกล้ตัว 38% โดยมีการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ จากเพื่อนและคนสนิท รวมถึงการขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และข้อมูลรีวิวจากผู้มีประสบการณ์ตรง โดยสาวไทยใช้เวลาคิดและตัดสินใจทำในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ และนอกจากนั้นแล้วยังเข้ารับบริการซ้ำในทุกๆ 5.69 เดือน

เหตุผลที่สาวไทยเลือกรับบริการ ฉีดโบ
3 อันดับแรกคือ เพื่อต้องการปรับรูปหน้าให้เข้ารูป 63% เพื่อลดเลือนริ้วรอยต่างๆ อาทิ รอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผาก 61% และเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ 47% ตามลำดับ
โดย 3 บริเวณบนใบหน้าสาวไทยมองว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการฉีดโบ ได้แก่ ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก 63% กรามใหญ่ (ลดกราม) 61% และลดรอยตีนกา 45%
สิ่งสำคัญในการเข้ารับบริการ
หลังจากตัดสินใจรับบริการฉีดโบแล้ว สิ่งที่ผู้หญิงไทยให้ความสำคัญทีสุดในการรับบริการ คือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 31% ชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญของแพทย์ 25% และความน่าเชื่อถือของคลินิก 24% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังเลือกแบรนด์โบทูไลนุม ท็อกซินที่น่าเชื่อถือ โดยพิจารณาจากแหล่งประเทศผู้ผลิต เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ เยอรมนี และอังกฤษ เป็นต้น โดยคุณสมบัติของโบทูไลนุม ท็อกซิน ที่ต้องการคือ ได้รับการรับรองจาก อย. และไม่มีสารสะสมตกค้าง 93% ไม่เสี่ยงต่อการดื้อโบ 86% และให้ความรู้สึกสบายหน้า สามารถขยับหน้าได้ตามอารมณ์ 84% ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่วิตกกังวล นั่นคือ กลัวหน้าตึง หนักหน้า ไม่สามารถสื่ออารมณ์ได้ 58% กลัวแพ้สารโบทูไลนุม ท็อกซิน 55% และกลัวสารสะสมตกค้าง 40%
 แม้ตัวเลขผลการสำรวจพฤติกรรมการรับบริการ ‘ฉีดโบ’ ของสาวไทยจะเพิ่มขึ้น แต่อย่างที่กล่าวในตอนแรกว่า สาวๆ ยังคงมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นฉีดแล้วหน้าตึง รู้สึกหนัก อึดอัดไม่สบายหน้าจนเกินไป หรือฉีดแล้วมีสารตกค้างหรือมีอาการดื้อโบ นอกจากความเชี่ยวชาญของแพทย์และความน่าเชื่อถือของคลินิกที่ใช้เป็นปัจจัยใจการเลือกแล้ว สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งคือคุณภาพของโบทูไลนุมท็อกซิน โดยพิจารณาจากแบรนด์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ความน่าเชื่อถือของบริษัทและประเทศที่ผลิต รวมถึงผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายที่ได้รับการยอมรับ
เชื่อว่าปี 2018 เทรนด์การฉีดโบยังคงอยู่และจะอยู่ไปอีกนานในวงการความงามของไทย สำหรับสาวๆ ที่มีแพลนจะฉีดโบหรือกำลังตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัย Marketeer ขอแนะนำว่า ให้เลือกแบรนด์โบทูไลนุม ท็อกซินที่น่าเชื่อถือ เลือกคลินิกที่ถูกกฎหมาย และที่สำคัญ ต้องฉีดกับแพทย์เท่านั้น


ทั้งนี้ เพื่อให้การเสริมความงามด้วยการฉีดโบมีประสิทธิภาพ ปรับรูปหน้าและลดริ้วร้อยได้ตามต้องการ ให้สาวไทยสวยและมั่นใจมากขึ้น “เมิร์ซ เอสเธติกส์ สนับสนุนทุกแรงบันดาลใจความงาม”

FB: Merz Aesthetics Thailand

Website : www.merzclubthailand.com

มาทำความรู้จักกับ Hugel Toxin

Hugel Toxin สัมผัสความสวย “ เป็นนิรันดร์ ” โบทูลินั่ม ทอกซิน และมียอดขายอันดับ 1 ที่ดาราเกาหลี นิยมใช้กันมากที่สุด เวชภัณฑ์เพื่อความงาม ที่ได้รับมาตรฐาน และผ่าน อ.ย. อย่างถูกต้อง พร้อมทิปเทคนิกเพื่อความงาม พร้อมแนะนำ เวชภัณฑ์ใหม่ในวงการแพทย์ผิวหนั


* ลบรอยตีนกา ภายใน 1 สัปดาห์

* ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว และริ้วรอยย่นบริเวณดั้งจมูก ภายใน 1 สัปดาห์ 

* ยกกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้น รูขุมขนเล็กลง หน้าใส แลดูเป็นธรรมชาติด้วยเทคนิคพิเศษ Microbotox natural lifting ภายใน 1 สัปดาห์

* ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก สไตล์สาวเกาหลี ภายใน 1 สัปดาห์
HUGEL TOXIN ® คืออะไร ?   

-  เป็นสารโปรตีนธรรมชาติบริสุทธิ์ที่สกัดจากแบคทีเรีย ช่วยผ่อนคลายการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ริ้วรอยลดลง ผิวเรียบ อ่อนวัย สดใส มีผลอยู่ได้นาน  4-6  เดือน 


HUGEL TOXIN ® ทำงานอย่างไร?

- ใช้ในการรักษาริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงสีหน้า (dynamic wrinkles) โดยการผ่อนคลายการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งก่อให้เกิดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (Dynamic wrinkles occur during facial expression.)

HUGEL TOXIN ® มีฤทธิ์อยู่ได้นานเท่าไร?

- ใช้เวลาในการเริ่มออกฤทธิ์ประมาณ 2-3 วัน- ผลของ HUGEL TOXIN ® จะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน- เมื่อหมดฤทธิ์ผลจะค่อย ๆ หมดไป ไม่ใช่ในทันที 

HUGEL TOXIN ® ผ่าน อย.ไทยหรือยัง ?

- ผลิตภัณฑ์  HUGEL TOXIN ®   ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย (Thailand FDA) เลขทะเบียนที่ 1C 4/56(BF) และ ได้รับการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศเกาหลี (KFDA)


The Nobleness of eternity Beautyสัมผัสความสวย “ เป็นนิรันดร์ ”


Premium Botox from Korea นึกถึงการทำ โบทูลินั่ม ทอกซิน ครั้งใด นึกถึง โบท็อกซ์ที่ดีที่สุด Hugel Toxin นะครับ.




ข้อดีและข้อห้าม ของการฉีดโบทูลินั่ม ทอกซิน.


ข้อดีของการฉีดโบทูลินั่ม ทอกซิน Hugel Toxin premuim  from Korea. 

 เป็นสารที่ปลอดภัย เพราะสามารถสลายไปเองด้วยร่างกายของเราทั้งหมด ไม่ตกค้าง ใช้เวลาในการฉีดเพียง 5 – 10 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ ไม่ต้องพบกับข้อเสียจากการ ผ่าตัด เช่น บวม, ปวดแผล, มีแผลเป็น หรือ ข้อแทรกซ้อนอื่นๆ ที่รุนแรง ใช้ยาปริมาณเพียงเล็กน้อยในการฉีด และใช้เข็มที่มีขนาดเล็กที่สุดในการฉีด ซึ่งจะรู้สึกเหมือนมดกัดเท่านั้น เห็นผลเร็ว เพียงไม่กี่วันคุณจะรู้สึกได้ว่า ริ้วรอย หายไปใช้ได้ผลดีเท่าๆ กัน ทั้ง ผู้หญิง และ ผู้ชาย สามารถนำไปใช้ร่วมกับ คอลลาเจน ฟิลเลอร์ หรือ เลเซอร์ ได

ข้อห้ามในการฉีดโบท็อกซ์

มีปัญหาแพ้โบท็อกซ์ หรือ โปรตีนอัลบูมิน ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร มีความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้ออยู่แล้ว เช่น มัยแอสทีเนีย myasthenia gravis หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอื่น  เลือดออกง่ายผิดปกติ ยาบางตัวมีผลต่อโบท๊อกซ์ เช่นยากลุ่มยาแอนติไบโอติกส์ ควินิน

การดูแลหลังฉีด ภายหลังฉีด ควรอยู่ในท่านั่ง หรือยืนประมาณ 4 ชม. เพื่อกันการไหลของยาไปที่อื่น ใช้กล้ามเนื้อ คือขมวดคิ้ว บ่อยๆให้ยาจับกับตัวรับดีๆ อาจมีจ้ำเลือดเล็กๆไม่ตองทำอะไร ไม่ควรอบซาวน่า, การทำเลเซอร์ หรือ การให้หน้าโดนความร้อน 1 สัปดาห์ ไม่งั้นโบท็อกซ์จะสลายก่อนจะออกฤทธิ์เต็มที่ ห้ามนวดหน้าแรงๆ หรือ ทำทรีตเม้นท์ด้วยเครื่องที่เกี่ยวกับการผลักยา 2 สัปดาห์ เพราะอาจจะผลักโบท็อกซ์ให้ลงไปลึกเกินกว่าที่ต้องการ ทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้ เช่น หนังตาตก เป็นต้น ใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติ อาจมีอาการตึงหนักหน้าใน 3-4 วันเป็นปกติ ไม่ต้องกังวล หายไปใน 1-2 สัปดาห์ ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 5 วัน เต็มที่ใน 2-4 สัปดาห์.


สัมผัสความสวย “ เป็นนิรันดร์ ”* ลบรอยตีนกา ภายใน 1 สัปดาห์* ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว และริ้วรอยย่นบริเวณดั้งจมูก   ภายใน 1 สัปดาห์ * ยกกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้น รูขุมขนเล็กลง หน้าใส  แลดูเป็นธรรมชาติ ด้วยเทคนิคพิเศษ  Microbotox natural lifting  ภายใน 1 สัปดาห์* ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก สไตล์สาวเกาหลี  ภายใน 1 สัปดาห์


Hugel Toxin premuim  from Korea.



ขอขอบคุณข้อมูล จาก http://www.bloggang.com

มาทำความรู้จักกับ “นิวโรน็อกซ์” โบท็อก “ถูกและดี” จากเกาหลี

“นิวโรน็อกซ์” โบท็อก “ถูกและดี” จากเกาหลี อยากหน้าเรียวก็ต้อง “โบท็อก” ว่าแต่โบท็อกยี่ห้อไหนดี ที่ทั้งถูกและดีมีคุณภาพ ฉีดแล้วหน้าเรียวสวยคุ้มราคา? สำหรับเราโบท็อกเกาหลี นิวโรน็อกซ์ตอบโจทย์ที่สุด!


ใครๆ ก็อยากเรียว เป็น v shape สวยเป๊ะ กันทั้งนั้นใช่มั๊ยล่ะ? 

ใครทักว่าหน้าบาน หน้าใหญ่ หน้ากลม นี่ขอเลิกเป็นเฟรนด์กันเลยดีกว่า TvT อะ สาวๆ ทั้งหลายเตรียมเฮกันได้เลย “เกาหลี” เค้ามีของ “ถูกและดี” มาช่วยจ้ะ หน้าเรียวสวยสไตล์สาวเกาหลี ไอเจ้าของถูกและดีที่ว่านี่ก็คือ “นิวโรน็อกซ์” นั่นเอง !!! มันคือ สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือที่เรารู้จักกันว่ามันคือ โบท็อก นั่นเอง จริงๆแล้ว โบท็อกเป็นเพียงชื่อยี่ห้อ หากจะพูดถึงสารที่ทำปฏิกิริยาจริงๆนั้นเรียกว่า Botulinum Toxin A !!! ซึ่งนิวโรน็อกซ์ ใช้แบคทีเรียตัวเดียวกันกับแบรนด์จากอเมริกาเลยนะจ๊ะ หลักการของมันก็คือ การทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อย ทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง ช่วยได้ตั้งแต่ทำให้หน้าเรียว (กล้ามเนื้อตรงกรามลดและยุบหายไป) ช่วยให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากกล้ามเนื้อหายไป (เช่น หางตา และ หน้าผาก)

 นิวโรน็อกซ์ เป็นแบรนด์เกาหลีที่มี่มาแล้วเกือบ 10 ปี !!! 

พอขึ้นชื่อว่ามาจากเกาหลี ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องนวัตกรรมความงาม ก็ยิ่งอุ่นใจไปอีกแถมแหล่งแบคทีเรียที่ใช้ผลิตยานั้นก็เป็นแหล่งเดียวกับแบรนด์โบท็อก (allergan) บวกกับราคาที่สมเหตุสมผล ดีเกินคุณภาพ จึงทำให้นิวโรน็อกเป็นแบรนด์โบท็อกที่ขายดีที่สุดในเกาหลี (กริ๊ดดด) !!! ว่าแล้วเราก็จะมา “พรีวิว” ความแตกต่างของโบท็อกแต่ละยี่ห้อให้ดูกันดีกว่า เราทำมาเป็นตารางให้ดูกันง่ายๆ นะ แต่เบื้องต้น ควรเลือกจากแบรนด์ที่มี อย. ดูความน่าเชื่อถือของบริษัท ตามมาด้วยความปลอดภัยและความคุ้มค่า อุ๊บบส์ ทำสรุปเป็นตารางแบบนี้แล้วผลออกมาชัดเลยว่า “ของถูกและดี” มีในโลก ด้วยความที่นิวโรน็อกซ์เป็นตัวยาเดียวกันเป๊ะๆ กับทางโบท็อก บวกกับราคาที่ถูกกว่ากันเกือบครึ่ง จึงทำให้นิวโรน็อกซ์ มา WIN เห็นๆ ถึงว่าสิ่ สาวเกาหลีหน้าเรียวกันเป็นแถวเลย! แต่ทีนี้ ด้วยความที่มันทั้ง “ถูก” และก็ “ดี” เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ชอบ มันก็เลยมี “ของปลอม” มาขายให้ปวดหัวเล่น TT วิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะหลีกหนีจากของปลอมก็คือ ไปฉีดที่คลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล อย่าซื้อของที่ขายตามอินเตอร์เน็ตเด็ดขาด เพราะเป็นของที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ของจริง เสียงจริง ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้อง จะส่งไปถึงมือแพทย์เท่านั้น

 เรื่องนี้จริงจังมากนะ เพราะถ้าฉีดของปลอมหรือของที่ไม่ได้มาตรฐานเข้าไปละก็.. อาจทำให้เกิดอันตรายหรือใบหน้าผิดธรรมชาติได้ และถ้าฉีดไปนานๆ อาจเกิดการดิ้อยา กลับมาใช้ของจริงก็ไม่ได้ผลแล้วนะ เพราะฉะนั้น ระวังไว้ให้ดี และเลือกฉีดเฉพาะที่คลินิกหรือโรงพยาบาลเท่านั้นนะจ๊ะ หน้าเรียวสวยสไตล์สาวเกาหลี หน้าเรียวสวยสไตล์สาวเกาหลีปล. นิวโรน็อกซ์ จำหน่ายในโรงพยาบาลกว่า 50 ที่ ทั้งในโรงพยาบาลรัฐบาลที่เชี่ยวชาญด้านการรักษา เช่น รามาธิบดี สถาบันโรคผิวหนัง โรงพยาบาลพระราม9 รวมถึงจำหน่ายในคลินิกกว่า 500 แห่ง ทั่วประเทศด้วย

อุ๊บบส์ ทำสรุปเป็นตารางแบบนี้แล้วผลออกมาชัดเลยว่า “ของถูกและดี” มีในโลก ด้วยความที่นิวโรน็อกซ์เป็นตัวยาเดียวกันเป๊ะๆ กับทางโบท็อก บวกกับราคาที่ถูกกว่ากันเกือบครึ่ง จึงทำให้นิวโรน็อกซ์ มา WIN เห็นๆ ถึงว่าสิ่ สาวเกาหลีหน้าเรียวกันเป็นแถวเลย! แต่ทีนี้ ด้วยความที่มันทั้ง “ถูก” และก็ “ดี” เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ชอบ มันก็เลยมี “ของปลอม” มาขายให้ปวดหัวเล่น TT วิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะหลีกหนีจากของปลอมก็คือ ไปฉีดที่คลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล อย่าซื้อของที่ขายตามอินเตอร์เน็ตเด็ดขาด เพราะเป็นของที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ของจริง เสียงจริง ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้อง จะส่งไปถึงมือแพทย์เท่านั้น!

เคดิต wongnai.com

“โบลิทูนัม ท็อกซิน" และ “โบท็อกซ์” กันอย่างไร

นวัตกรรมปรับรูปหน้าฉบับสาวเกาหลี เห็นผลจริง ได้รับการยอมรับมากที่สุด!

ใครที่อยากจะมีรูปหน้าเรียวสวยดั่งสาวเกาหลี ฟังทางนี้ด่วนๆ วันนี้เราจะมาบอกเบื้องลึกของนวัตกรรมการปรับรูปหน้าที่สาวเกาหลีเค้านิยมทำกันมากที่สุดให้ทราบโดยทั่วกัน! 16 ก.ย. 2016 · โดย สวยสังเคราะห์ สมัยนี้ผู้หญิงเราเรียกได้ว่าอยากสวยกันทุกคนทั้งนั้น! จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่สาวหลายคนต่างพากันไปทำศัลยกรรมจมูก ทำศัลยกรรมตา ทำศัลยกรรมปาก หรือการทำศัลยกรรมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เรียกได้ว่าแทบจะพลิกโฉมจนพ่อแม่อาจจะลืมหน้าเดิมไปแล้วก็ได้! แต่ทั้งนี้ทั้งนี้ ความสวยของผู้หญิงเราจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเรามี “โครงหน้าหรือรูปหน้า” ที่ไม่เข้ากับส่วนต่างๆ ของใบหน้า เอาจริงๆ ตามหลักเบื้องต้นสาวที่มีโครงหน้าสวยเนี่ย มีชัยไปกว่าครึ่งนะจ๊ะ!

การปรับรูปหน้าให้สวยงาม เหมาะสม รับการสรีระอวัยวะต่างๆ


บนใบหน้า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สาวๆ ไม่สามารถเพิกเฉยไปได้เลย ฟังดูก็เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะโครงหน้าหรือรูปหน้า มันติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ถ้าจะให้ไปเปลี่ยนแปลงอะไร ฟังดูแล้วก็คงจะยาก แต่สมัยนี้นวัตกรรมทางการแพทย์เค้าก้าวกระโดดไปไกลมากแล้ว “การปรับรูปหน้า” จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรอย่างที่หลายคนคิด เพราะทางการแพทย์เค้าได้มีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “โบลิทูนัม ท็อกซิน” หรือสารที่ทุกคนรู้จักกันในนามว่า “โบท็อกซ์” นั่นเอง จริงๆ แล้วโบท็อกเป็นสารที่แพทย์เอาไว้ใช้ในการรักษาโรค แต่ในทางกลับกันก็ยังสามารถเอามาใช้ในด้านความงามได้อีกด้วย “โบท็อกซ์” เมื่อคนได้ยินก็จะนึกถึงตัวยาของทางประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาอย่างยาวนาน แต่สมัยนี้ผู้หญิงที่มีรูปหน้าเรียวสวย โครงหน้าปังดั่งเสกได้ส่วนมากก็มักจะเป็นสาวเกาหลี ซึ่งเราต้องยอมรับเลยค่ะว่า “ประเทศเกาหลี” เนี่ย เค้ามีนวัตกรรมทางด้านความงามที่ก้าวไกลมาก ได้รับความยอมรับเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้! แน่นอนว่าทางเกาหลีเค้าก็ได้คิดค้นนวัตกรรมท็อกซินในรูปแบบใหม่ขึ้นมาตั้งแต่มี 2006 ที่สามารถช่วยเสกรูปหน้าของสาวๆ ให้เรียวสวย สร้างโครงหน้าที่สวยงามให้กับสาวๆ ได้จริงๆ โดยแบรนด์นั้นก็คือแบรนด์ “นิวโรน๊อกซ์” นั่นเองค่ะ บอกได้เลยว่าแบรนด์นิวโรน๊อกซ์นี้เป็นแบรนด์ที่  ใช้สายพันธุ์ท็อกซินต้นกำเนิดเดียวกับแบรนด์ดังของทางอเมริกา และเป็นโปรตีนที่มีค่าความบริสุทธิ์ถึง 99.7% ด้วยกัน! ผลลัพธ์ที่ได้นี่เหมือนกันเป๊ะ ไม่ว่าจะนิวโรน๊อกซ์หรือโบท๊อกซ์ หน้าก็จะเป๊ะปังอลังการ ยังกับฝาแฝดยังไงยังงั้น สำหรับแบรนด์ “นิวโรน๊อกซ์” เชื่อว่าสาวๆ หลายคนต้องคุ้นหูแน่นอน เพราะว่า นิวโรน๊อกซ์เนี่ยเรียกได้ว่า โด่งดังและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย ส่วนเกาหลีนี่ไม่ต้องพูดถึง เค้าครองตลาดโบท็อกซ์ของเกาหลีมานานมากแล้ว ซึ่งในไทยก็ไม่ได้ต่างกัน โด่งดังและได้รับการยอมรับอย่างสูงสุดตั้งแต่เข้ามาในไทยใหม่ๆ จนวันนี้ก็เป็นระยะเวลากว่า "10 ปี" แล้วที่นิวโรน็อกซ์ได้เข้ามาในประเทศไทย ด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยม ผลลัพธ์ของการใช้เห็นผลชัดเจน และมีราคาที่เหมาะสม ทำให้แบรนด์นิวโรน๊อกซ์เป็นแบรนด์ที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุดในประเทศไทย รวมถึงเกาหลี และอีกกว่า 27 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย อีกหนึ่งประการที่ยืนยันได้ว่าแบรนด์นิวโรน๊อกซ์ เป็นตัวยาท็อกซินที่มีมาตราฐาน ปลอดภัย และเห็นผลชัดเจนในระยะเวลาไม่นาน ก็คือ แบรนด์นิวโรน๊อกซ์ เป็นเพียงแบรนด์เดียวเท่านั้นที่ได้รับการ เลือกใช้รักษาคนไข้ในโรงพยาบาลชื่อดังของประเทศไทย อาทิเช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี, สถาบันโรคผิวหนัง เป็นต้น ด้วยเหตุผลที่ตัวยามีคุณภาพมาก รวมถึงราคาก็เหมาะสม คนไข้สามารถเข้าถึงได้ง่าย นิวโรน๊อกซ์จึงเป็นแบรนด์ที่ทั้งคนไข้และคุณหมอให้ความไว้วางใจมานานกว่า 10 ปีด้วยกัน

บริษัท เซเลส (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นิวโรน็อกซ์บริษัทเดียวในประเทศไทย

จึงได้จัดงาน 10th Anniversary Neuronox กับเหล่า Beauty Blogger ชื่อดัง รวมถึงยังมีตัวแทนจาก บริษัท Medytox ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นิวโรน๊อกซ์ในประเทศเกาหลี เดินทางมาจากเกาหลีเพื่อมาร่วมงานนี้ พร้อมให้ความรู้และข้อมูลต่างๆ ของผลิตภัณฑ์นิวโรน๊อกซ์ พิเศษเฉพาะในงานนี้! บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานและการได้รับข้อมูลความรู้ใหม่ๆ จากแพทย์ทั้งจากทางเกาหลีและทางไทย ที่ได้ให้ความรู้ในเรื่องของการปรับรูปหน้าและความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับโบท็อกซ์ที่สาวๆ หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน เริ่มต้นด้วย Mr.Woo Young Chung ตัวแทนจากบริษัทแม่อย่าง Medytox ที่ได้ขึ้นมาพูดให้ความรู้เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ และได้อัพเดทข้อมูลถึงผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามาในไทย แต่ขออุบไว้ก่อน รับรองว่าตัวนี้เด็ดและดี ไม่แพ้โบท็อกซ์เลยล่ะสาวๆ รอติดตามกันได้เลย ;P


วมถึงภายในงาน ยังได้รับเกียรติจาก ศัลยแพทย์เกาหลีชื่อดัง Dr.Suhk Jeong Hoon


เจ้าของคลินิก The ChungDam-I Plastic Surgery ที่ประเทศเกาหลี ขึ้นมาพูดถึงเทรนด์การฉีดโบท๊อกซ์ของหนุ่มสาวเกาหลี พร้อมจัด workshop สอนการฉีดโบท๊อกซ์ตามเทคนิคของแพทย์เกาหลีให้กับแพทย์ไทย รวมถึงให้ข้อมูลว่าทำไมคนเกาหลีถึงให้ความไว้วางใจในแบรนด์นิวโรน๊อกซ์จนกลายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ยังไม่พอค่ะ! แพทย์เกาหลีมายืนยันด้วยตัวเองแล้ว จะขาดแพทย์ไทยไปได้อย่างไร… เราเลยได้รับเกียรติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ตัวยานิวโรน๊อกซ์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 1000 ครั้ง ขึ้นมาบอกเล่าถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้ใช้ตัวยานิวโรน๊อกซ์ฉีดปรับรูปหน้าให้คนไข้ รวมถึงให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของโบท็อกซ์ เพื่อตอบข้อซักถามจาก Beauty Blogger ชื่อดังภายในงานอีกด้วยค่ะ เริ่มต้นที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนแรก พญ. กรวิกกา พัฒนะปราน แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเป็นผู้ก่อตั้ง “กรวิกกาคลินิก” ซึ่งเป็นคลินิกความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คุณหมอได้กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ใช้นิวโรน๊อกซ์ว่า ... “ เหตุผลแรกที่เลือกนิวโรน็อกซ์อันดับแรกใน กรวิกกาคลินิก คือ 1. มีงานวิจัยมากมายที่รับรองถึงประสิทธิภาพ รวมถึงยังใช้แพร่หลายในโรงพยาบาลซึ่งในฐานะที่เป็นแพทย์ การศึกษาข้อบ่งชี้ในการใช้ยาและงานวิจัยเป็นอันดับแรกที่แพทย์ทุกคนต้องพิจารณา 2. โบท็อกซ์ของแบรนด์อเมริกา กับ นิวโรน็อกซ์มีข้อบ่งชี้ในการใช้เท่ากัน แต่คุณหมอเลือกใช้นิวโรน๊อกซ์มากที่สุด เพราะลูกค้าประทับใจเรื่องคุณภาพ รวมถึงราคาที่จับต้องได้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโบท็อกซ์จะอยู่ได้นาน 6-8 เดือน ลูกค้าก็ต้องกลับมาย้ำใหม่ ดังนั้นส่วนมากลูกค้าก็จะกลับมาย้ำด้วยตัวยานิวโรน๊อกซ์แบบไม่ต้องคิดเลยค่ะ ”


ส่วน นพ. ฉัตรชัย ชูแสง แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและผู้ร่วมก่อตั้งฟารีดาคลินิกซึ่งเป็นคลินิกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตอนนี้ คุณหมอได้ผ่านการใช้ตัวยานิวโรน๊อกซ์ในการรักษาและปรับรูปหน้าให้คนไข้มาไม่ต่ำกว่า 1000 เคส กล่าวว่า … “ นิวโรน็อกซ์ไม่ได้ใช้เฉพาะในการเสริมความงามเท่านั้น ยังใช้ในการรักษาโรคในโรงพยาบาลอีกด้วย อาทิ โรคตากระตุก, อัมพาธครึ่งซีก หรือ คนที่มีเหงื่อมากตามรักแร้และฝ่าเท้า เพราะฉะนั้นการเลือกใช้นิวโรน็อกซ์ในฟารีดาคลินิก คนไข้มั่นใจในความปลอดภัยได้ถึง 100% เพราะปริมาณที่ใช้สำหรับความงามเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้เพื่อรักษาโรค และเหตุผลที่เลือก นิวโรน็อกซ์เพราะ คนไข้ส่วนมากประทับใจ และอยากกลับมาฉีดนิวโรน็อกซ์ซ้ำ เนื่องจากประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับแบรนด์อเมริกาและราคาจับต้องได้ เพราะกลุ่มลูกค้าฟารีดาคลินิก ส่วนมากเป็นวัยทำงานและนักศึกษา ”

เคดิตข้อมูลจาก wongnai.com

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

18 วิธีรักษาหลุมสิว ! หน้าเป็นหลุมสิวทำไงดี ?


หลุมสิว


หลุมสิว นับว่าเป็นปัญหากวนใจของคนที่ปล่อยให้สิวอักเสบมันลุกลามจนกินพื้นที่ลึกลงไปถึงเนื้อใน ถึงขั้นทำให้เนื้อหายจนกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ ส่วนบางคนก็พลาดหนักยิ่งกว่านั้น คือพยายามบีบสิวอย่างผิดวิธีจนทำให้สิวอุดตันธรรมดา ๆ กลายเป็นสิวอักเสบ พร้อมกับไปกระตุ้นสิวนั้นให้รุนแรงหนักกว่าเดิม ถ้าจะบอกว่าหลุมสิวมันเกิดจากตัวคุณเองก็คงจะไม่ผิดนัก


เพราะความจริงแล้วทางป้องกันที่ดีที่สุด คือ การพยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองมีสิวอักเสบ หรือถ้าเป็นแล้วก็ต้องรีบหาทางปฏิบัติเพื่อทำให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้นโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ แต่ถ้าเราเจอกันช้าไป จนคุณพลาดไปมีหลุมสิวอยู่บนใบหน้าแล้ว ก็ไม่เป็นไร ค่อย ๆ แก้ไขกันต่อไป แม้ว่าเราจะไม่สามารถทำให้ผิวเติมเต็มหลุมได้เหมือนเดิม 100% แต่เราก็สามารถทำให้เซลล์เนื้อเยื่อใหม่ฟื้นฟูและเติมเต็มหลุมได้ถึง 70-80%
ระดับความรุนแรงของหลุมสิว
ระดับ Ice pick scar (ระดับรุนแรงที่สุด) หลุมสิวระดับนี้จะเป็นหลุมลึก มีปากแคบ รักษาได้ยากมาก เพราะแนวหลุมเป็นไปในทางลึก กว่าผิวจะฟื้นฟูจนเต็มคงต้องใช้เวลานานในการรักษา ซึ่งหลุมระดับนี้ใช้ยาทาก็มักจะเอาไม่อยู่ แต่ทำได้แค่ช่วยให้รอยมันตื้นขึ้นมาเท่านั้น


ระดับ Box scar (ระดับรุนแรงปานกลาง) หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขอบชัดเจนและมีขอบเขตกว้างกว่าระดับ Ice pick scar แต่จะมีความตื้นมากกว่า เพราะมันจะกินความลึกแค่ชั้นผิวเท่านั้น ไม่ได้กินไปจนถึงชั้นรูขุมขน หลุมสิวระดับนี้ เราสามารถใช้ยาทาควบคู่ไปกับการทำทรีตเมนต์ได้ ซึ่งรอยหลุมอาจจะเหลือร่องรอยจุดด่างดำอยู่บ้าง แต่ถ้าคุณตั้งใจดูแลและรักษาให้ดี ก็ค่อนข้างจะให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจหลังการรักษา


ระดับ Rolling scar (ระดับทั่วไป) หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นหลุมสิวแบบตื้น ๆ เป็นแอ่งเว้าลงไป กินพื้นที่แค่ส่วนบนของผิวเพียงเล็กน้อย ซึ่งหลุมระดับนี้มักจะเกิดจากการแกะเกาสิวที่อยู่ในระดับที่ไม่ลึกมากนัก และทำการรักษาได้ง่ายกว่าระดับอื่น ๆ คุณสามารถใช้ยาทาในการเติมเต็มเนื้อผิวได้



ขนาดความกว้าง ความลึก และลักษณะของหลุมสิวแต่ระดับ


วิธีรักษาหลุมสิว

การรักษาหลุมสิวบนใบหน้า จะถูกแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ ๆ คือ การรักษาด้วยการทายา (เป็นการรักษารอยหลุมตื้น ๆ ซึ่งมักจะเป็นรอยหลุมระดับทั่วไป (Rolling scar) ยาที่นำมาใช้ทำให้ผิวตื้นขึ้นก็จะมีหลายชนิดด้วยกัน), การรักษาด้วยการรับประทานยา(เป็นยาที่สกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ หรือ RETINOIDS) และ การรักษาด้วยเครื่องมือแพทย์ (เป็นการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิวขนาดใหญ่มหึมาจนยาทาและยากินก็ช่วยไม่ไหว หรือเรียกได้ว่าเป็นหลุมลึกแบบ Ice pick scar และ Box scar ซึ่งเป็นการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการทายาและครีมบำรุงร่วมด้วย) ซึ่งการรักษาแต่ละแบบอาจถูกนำมาใช้ในกรณีที่มีหลุมลึก หรืออาจใช้ร่วมกันบ้างเล็กน้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกสถานเสริมความงาม คุณต้องมั่นในว่าสถานที่ที่คุณเลือกนั้นใช้วิธีการที่ อย. รับรอง และมีการให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ถ้าไม่แน่ใจก็ลองค้นหาข้อมูลในเน็ตหรือใน pantip ดูก็ได้ เผื่อได้ข้อมูลอะไรดี ๆ ประกอบการตัดสินใจของคุณ มาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

แต้มกรด TCA การใช้กรด TCA เพื่อช่วยเร่งผิวใหม่ให้เกิดการแบ่งตัวเร็วขึ้น มันจึงช่วยทำให้รอยหลุมค่อย ๆ ตื้นขึ้น หากเราทำอาทิตย์ละครั้งจะมีระยะเวลาเห็นผลประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งการทานั้นจะเป็นการแต้มเฉพาะรอยหลุมที่เป็นเท่านั้น เพราะกรด TCA จะทำให้ผิวเป็นสะเก็ดดำ ๆ ถ้าใจไม่แข็งจริง คุณอาจถอดใจได้ง่าย ๆ เลย
การลอกผิวด้วยกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด ไม่ว่าจะเป็น AHA, BHA, PHA เพื่อเป็นการช่วยทำให้เซลล์ผิวหนังด้านบนหลุดออก และเกิดการซ่อมแซมและทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
กรดวิตามินเอ สำหรับคนที่กลัวการเป็นสะเก็ดและไม่รีบร้อนในการรักษา คุณสามารถใช้ยาทาอีกตัวที่ช่วยให้หลุมดูตื้นขึ้นมาได้ นั่นก็คือ “กรดวิตามินเอ” โดยนำมาทาบนรอยหลุมเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยังสามารถทาได้บ่อยกว่ากรด TCA อีกด้วย เพราะสามารถทาได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ทายาในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ เช่น Retin A เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
ทาครีมลบรอยแผลเป็น การทาครีมลบรอยแผลเป็นและริ้วรอยที่มีส่วนผสมของวิตามินอี, AHA, BHA ก็สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้เช่นกัน
สกินแคร์ต่าง ๆ นอกจากตัวยาที่กล่าวมา สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินอี และ BHA ก็สามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวได้เช่นกัน เพราะมันจะสามารถช่วยทำให้ผิวเนื้อค่อย ๆ ตื้นขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ
การรับประทานยาที่สกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ (RETINOIDS) ในกรณีนี้มักถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อคุณมีปัญหาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปัญหาสิว เพราะยาที่ถูกนำมาใช้มักจะเป็นยาในกลุ่มของกรดวิตามินเอ อย่าง Roaccutance, Acnotin, Isotretinoin ซึ่งยาในกลุ่มนี้สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้สร้างผิวใหม่เพื่อช่วยเติมเต็มรอยหลุม และยังช่วยควบคุมความมันได้อีกด้วย แต่เนื่องจากยาชนิดนี้เป็นยาทานที่มีผลต่อไขมันทั่วร่างกาย ระหว่างใช้อาจทำให้ตาแห้ง ผิวแห้ง ปากแห้งได้ ดังนั้นการใช้ยาในกลุ่มนี้จึงจำเป็นต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ อย่าไปซื้อมากินเอง เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณได้ นอกจากนี้ การรับประทานวิตามินซีก็อาจจะช่วยได้บ้างในกรณีหลุมสิวยังไม่เป็นพังผืด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีนี้ก็ไม่สามารถคาดหวังผลในการรักษาได้ครับ เพียงแต่เป็นตัวช่วยเสริมเท่านั้น
Skin Needing คือ การรักษาแบบที่ใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากจิ้มลงไปในผิวเพื่อผ่านตัวยาเข้าไปในผิว จึงทำให้ผิวสร้างตัวและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น หลุมจึงเต็มไวขึ้น ซึ่งการรักษาแบบนี้ในอดีตนั้นจะใช้วิธี Dermaroller ซึ่งไม่ได้รับการรับรองจาก อย. เนื่องจากการดูแลความสะอาดของอุปกรณ์เป็นไปได้ยาก หลัง ๆ มาจึงมีการเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือประเภทอัตโนมัติที่มีการทำงานคล้ายคลึงกันแทน อย่าง Dermpoint และ Tri-m (รูปนี้เป็นรูปก่อนและหลังทำ Dermaroller ครับ)

การทำ Subcision (เลาะพังผืดใต้หลุมสิว) วิธีนี้แพทย์จะใช้เข็มลักษณะพิเศษที่มีคุณสมบัติในการตัดผิวหนังที่เรียกว่า เข็ม Nokor โดยแพทย์จะสอดเข็มลงไปใต้ผิวหนังเพื่อทำการตัดพังผืดใต้ผิวหนัง แล้วทำการเซาะทีละหลุม ๆ ค่อย ๆ ทำไปจนทั่วใบหน้า หลังการทำจะมีแผลแต่ละรอยเข็มที่ทำ ผิวหนังที่โดนเซาะจะมีเลือดออกและอาจม่วงช้ำอยู่ประมาณ 1-2 อาทิตย์ หลังจากนั้นหลุมสิวก็จะตื้นขึ้น แต่วิธีนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการติดเชื้อใต้ผิวหนัง เกิดเป็นแผลใหม่ และกลายเป็นแผลเป็นนูนจากการรักษา จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักเพราะผลที่ได้อาจไม่คุ้มกับความเจ็บตัว

ฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิว เป็นอีกวิธีที่เหมาะกับการรักษาหลุมสิวระดับทั่วไปในระดับตื้นถึงลึกปานกลาง ฟิลเลอร์ (Filler) นั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกแทน “สารเติมเต็ม” โดยสารที่นิยมนำมาใช้กันมากก็คือ ไฮยาลูรอนิก เอซิด (Hyaluronic Acid) เนื่องจากจะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่าคอลลาเจน ส่วนใหญ่แล้วการรักษาด้วยวิธีนี้จะค่อนข้างได้ผลประมาณ 30-70% เลยทีเดียว เพราะมันเป็นการฉีดสารเข้าไปเพื่อเติมเต็มรอยหลุมในทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้ร่างกายสร้างเนื้อขึ้นมาเอง แต่การฉีด 1 ครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี เพราะมันเป็นสารที่สามารถเสื่อมสลายไปได้เอง (แบบชั่วคราวจะมีความปลอดภัยกว่าแบบถาวร)
กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion – MD) การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี เป็นอีกวิธีที่ช่วยทำให้หลุมตื้น ๆ เต็มได้ไวขึ้น การรักษาไม่ทำให้เกิดแผลแต่อย่างใด แต่ต้องทำหลายครั้ง และผลที่ได้อาจไม่ค่อยทันใจเท่าไรนัก เหมาะสำหรับหลุมสิวประเภทระดับ Rolling scar และ Box scar

การใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency – RF) เป็นการส่งพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เครื่องมือที่ใช้ก็มีหลายแบบด้วยกันครับ อย่างเช่นเครื่อง E-matrix ที่มีประโยชน์ในด้านการยกกระชับใบหน้าด้วย ส่วนตัวคิดว่า ในปัจจุบันเครื่องนี้สามารถให้ผลในการรักษาหลุมสิวได้มากที่สุด หรือประมาณ 70-80% หากทำประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไป อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อย แต่ที่สำคัญคือราคาทำค่อนข้างแพง ส่วน RF แบบอื่น ๆ ก็มีอีกเยอะครับ เพียงแต่ผมเห็นว่าตัวนี้น่าจะรักษาหลุมสิวได้ดีที่สุด (รูปนี้เป็นรูปก่อนและหลังทำด้วยเครื่อง E-matrix ครับ)

การทำ IPL สามารถใช้ได้ดีกับหลุมสิวระดับทั่วไป (Rolling scar) ถ้านำไปใช้กับหลุมสิวแบบอื่นอาจเห็นผลช้ามากหรือแทบไม่เห็นผลเลย โดย IPL จะเป็นการใช้คลื่นแสงที่มีความเข้มข้นเพื่อเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจน โดยระยะของแสงจะต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาผิวเท่านั้น ถ้าหากการปรับนี้ทำโดยผู้ไม่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง การรักษาก็อาจจะไม่ได้ผลหรืออาจทำให้หน้าไหม้ได้
เลเซอร์หลุมสิว เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งการทำเลเซอร์นั้นสามารถทำให้คอลลาเจนใต้ผิวถูกกระตุ้นให้สร้างตัวมากขึ้นเพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เช่น เลเซอร์ Yag เป็นอีกวิธีที่ได้ผลดีกว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่าการทำ IPL การทำเลเซอร์แบบนี้อาจทำให้เจ็บและมีสะเก็ดแผลเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเวลาทำจึงจำเป็นต้องทายาชาช่วย ถ้าเลือกจะทำวิธีนี้ คุณควรงดออกจากบ้านประมาณ 1 สัปดาห์ และถนอมผิวหน้าไม่ให้เจอแสงแดด แล้วผิวหน้าของคุณก็จะเรียบเนียนขึ้นอย่างที่ตั้งใจไว้
เลเซอร์ Fractional CO2 เป็นอีกเลเซอร์ที่ให้ผลดี มีความรุนแรงมาก เป็นตัวช่วยให้เกิดการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ผลของเลเซอร์ชนิดนี้สามารถตัดพังผืดแบบแนวดิ่งได้ดี แต่ก็ทำลายผิวชั้นบนไปมากเช่นกัน เรียกได้ว่า ข้อดีข้อเสียพอ ๆ กัน คนที่คิดจะทำเลเซอร์ชนิดนี้ต้องทำใจไว้เลยว่า หน้าจะเยินไปเป็นเดือนสองเดือน จึงใช้เวลาพักฟื้นยาวนาน ก่อนที่ผิวจะค่อย ๆ เริ่มสร้างตัวขึ้นใหม่อย่างธรรมชาติ แต่ก็ได้ผลดีในการรักษาหลุมสิวเกือบ ๆ 70%

เลเซอร์ Fraxel โดยใช้เครื่อง Fraxel restore Laser และ Fine scan Laser (ส่วนตัวคิดว่าเครื่อง Fraxel Laserสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเครื่อง Fine Scan Laser) เป็นเลเซอร์อีกวิธีที่ได้ผลดีสมราคา ต้องจ่ายเงินค่อนข้างแพง วิธีนี้จะเป็นการใช้คลื่นแสงที่มีอนุภาคขนาดเล็กมากไปกระตุ้นเซลล์ผิวให้ช่วยกันซ่อมแซมบริเวณผิวที่เป็นหลุม โดยปกติแล้ว 1 คอร์สจะมี 4 ครั้ง หลังการรักษาจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด และต้องเตรียมใจรับความเจ็บบริเวณใบหน้าเอาไว้ด้วยล่ะ วิธีนี้คุณสามารถคาดหวังผลในการรักษาหลุมสิวได้ประมาณ 50-70% หากทำการรักษาตั้งแต่ 10 ครั้งขึ้นไป

ศัลยกรรมผ่าตัดหลุมสิว (Punch Excision & Grafting) เป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่หาย เป็นหลุมสิวไม่มากนัก แต่เป็นหลุมลึกและกว้าง โดยวิธีการรักษาหลุมสิวแบบนี้จะแบ่งย่อยเป็น 4 วิธี คือ
Punch excision เป็นการผ่าตัดรอยหลุมสิวออก แล้วเย็บแผลให้ติดกัน ทำได้กับหลุมสิวระดับ Box scar &Ice pick scar ,
Punch elevation เป็นการผ่าตัดหลุมสิวโดยยกเนื้อบริเวณหลุมสิวขึ้นมาให้เท่ากับเนื้อผิวปกติ แล้วทำการเย็บเนื้อที่ยกขึ้นมาให้ติดกับเนื้อผิวโดยรอบ ทำได้กับหลุมสิวระดับ Box scar,
Punch grafting ปิดหลุมสิวโดยการเอาเนื้อบริเวณอื่นของเรามาปิดแทนที่หลุมสิว แล้วทำการเย็บปิดเพื่อให้เนื้อเยื่อเติบโตเต็มหลุมสิว เป็นวิธีที่เหมาะกับหลุมสิวที่ลึกไม่สม่ำเสมอ ทำได้กับหลุมสิวระดับ Box scar &Ice pick scar,
Elliptical excision เป็นการผ่าตัดหรือกรีดหลุมสิวให้เป็นวงรีและจัดการเย็บแผลให้ติดกัน ซึ่งเป็นการเย็บปิดแผลเป็นหลุมสิวให้แนบสนิท



โดยราคาทำนั้นโดยปกติแล้วจะคิดราคาเป็นหลุม หลุมละประมาณ 1,000-2,000 บาท และเนื่องจากวิธีนี้เป็นการผ่าตัดแบบเล็ก ๆ ผลข้างเคียงที่อาจตามมาได้ก็คือ “รอยแผลเป็น” แต่ก็ไม่น่าเป็นกังวลเท่าไร เพราะเป็นรอยแผลที่มีขนาดเล็ก ปกติแล้วจะหายได้เอง แต่ระวังเอาไว้ก็ดีครับ และที่สำคัญคุณควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ เนื่องจากวิธีนี้เป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ฝีมือ ความชำนาญ และประสบการณ์ในระดับหนึ่ง หากแพทย์ไม่เก่งแล้ว ก็อาจทำให้ผลการรักษาออกมาไม่ดีหรือไม่ได้ผลอย่างที่เราคาดหวังไว้ก็ได้
ดูแลตัวเอง ในระหว่างการรักษาเรื่องการดูแลและป้องกันตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เช่น คุณต้องพยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นสิวอักเสบ งดดื่มแอลกอฮอล์ (เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจน) ถ้าหากไม่ได้อยู่ในระหว่างการรักษา คุณสามารถสครับหน้าได้อาทิตย์ละครั้ง โดยเลือกสครับที่ไม่รุนแรงมากนัก บำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ไปนวดหน้าบ้างเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนมีการสร้างคอลลาเจนมาช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของผิว เซลล์ผิวของคุณจะได้ทำงานได้ดีขึ้น หรือบางคนอาจรับประทานอาหารเสริมจำพวกคอลลาเจนก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนจากภายในจนถึงภายนอก

แต่ถ้าหากเรายังมีปัญหาสิวอยู่บนใบหน้า การขัดหน้าและนวดหน้าก็ยังเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ทางที่ดีคุณควรจะรักษาสิวให้หายก่อน แล้วค่อยมาจัดการกับจุดด่างดำและหลุมสิวภายหลัง ที่สำคัญคือ คุณต้องใจเย็น ๆ ต้องรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาดีและยังทำให้ผิวมีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย


หมายเหตุ : ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง และอาจไม่เป็นอย่างในรูปตัวอย่างครับ***

เคดิตเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)

108 ปัญหาเรื่องสิว

ปัญหาสิว 

เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ธรรมชาติของผิวหน้าแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป จึงส่งผลต่อใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้บางคนเป็นสิวมาก ส่วนบางคนก็เป็นสิวน้อย แต่เชื่อได้เลยว่าเกือบทุกคนคงต้องเผชิญกับปัญหาสิวกันมาบ้างแล้วล่ะ บางคนดูแลตัวเองกันแบบสุดฤทธิ์ก็ยังมีสิวผุดขึ้นมาให้ช้ำใจ ส่วนคนที่ไม่ค่อยเป็นสิวก็นับว่าเป็นบุญจริง ๆ (ไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไร) ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงการเป็นสิวไม่ได้ เราก็ต้องทำความรู้จักธรรมชาติของสิวเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่เครียดมากนัก เพื่อรอคอยโอกาสที่จะกำจัดสิวที่มีอยู่ออกไป


ถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้นของการเกิดสิว มันก็มักจะเริ่มเข้ามาอยู่กับเราตอนที่เราเริ่มโตเป็นหนุ่มสาว จนเราอายุย่างเข้า 30 มันก็จะค่อย ๆ ลดน้อยหายไปเอง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะรอดจากการเป็นสิวเมื่อมีอายุมากขึ้น เพราะสิวยังอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุโดยที่พักอาศัยของสิวนั้นก็คือรูขุมขนของเราที่มีมากกว่า 20,000 รูบนใบหน้า ในโพรงรูขุมขนจะประกอบไปด้วยขนและต่อมไขมัน

โดยธรรมชาติแล้วต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อเคลือบผิวไม่ให้แห้งจนเกินไป แต่ต่อมไขมันอาจผลิตน้ำมันมากเกินไปด้วยการควบคุมของฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่เป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ เมื่อเรามีน้ำมันมากขึ้นและไม่สามารถออกจากรูขุมขนได้ทันเพราะมีสิ่งกีดขวางทางออก มันก็จะกลายเป็นสิวได้ในที่สุด


สิว

เซ็กซ์กับสิวเราอยู่ร่วมกันได้ เซ็กซ์ไม่ได้มีผลต่อการเกิดสิวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด และถึงคุณจะช่วยตัวเองอย่างหนักหน่วงแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้สิวเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะจนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับความเชื่อที่ว่าเซ็กซ์และการช่วยตัวเองเกี่ยวข้องกับการเกิดสิว
ปัจจัยภายในร่างกายและความสะอาดภายนอก สาเหตุการเกิดสิวไม่ได้เกิดเพราะความสกปรกเพียงอย่างเดียว เพราะสิวสามารถเกิดจากฮอร์โมนและสาเหตุอื่น ๆ ได้ เช่น คนที่ระบบน้ำเหลืองไม่ดีก็สามารถเป็นสิวได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับความสะอาดแต่อย่างใด
ช็อกโกแลตกับสิว จริง ๆ แล้วช็อกโกแลตไม่ได้เป็นตัวการทำให้เกิดสิวอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่นมและน้ำตาลที่ใส่ลงไปในช็อกโกแลตต่างหากที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดสิว ดังนั้นถ้าอยากจะกินช็อกโกแลตจริง ๆ ก็ขอแนะนำให้เลือกเป็น “ดาร์คช็อกโกแลต” แทน อาจหวานน้อยหน่อยแต่ก็มีประโยชน์มากเลยล่ะ
ตำแหน่งสิวบอกโรคได้ เช่น สิวที่หน้าผากเกิดจากระบบย่อยอาหารมีปัญหาและการนอนดึก, สิวระหว่างคิ้วอาจเป็นคนที่ไม่สามารถย่อยแลคโตสจากนมได้ มันเลยแสดงผลให้เห็นบริเวณนั้น, สิวที่แก้มเกิดจากการใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม, สิวที่เกิดรอบดวงตามักเกิดจากภูมิแพ้และแสงแดด ส่วนสิวบริเวณคางมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีรสจัดนั่นเอง
การรักษาสิวด้วยแพทย์ ปกติแล้วการจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิวมักจะเป็นทางเลือกสุดท้าย หมอจะใช้ก็ต่อเมื่อการป้องกันต่าง ๆ ทำมาแล้วแต่ไม่ได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันและการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ เพราะนั่นอาจหมายความว่าสิวที่คุณเป็นอาจมีสาเหตุมาจากฮอร์โมน ในกรณีนี้คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการปรับฮอร์โมนอย่างปลอดภัย
สาเหตุการเกิดสิว
ฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgens) อย่างที่บอกไปแล้วว่าสิ่งที่เป็นตัวควบคุมการสร้างน้ำมันก็คือฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่พบได้มากในเพศชาย แต่ก็พบได้ในเพศหญิงเช่นกัน โดยช่วงที่ฮอร์โมนแกว่งหรือมีการเปลี่ยนแปลง แต่ละคนก็จะเป็นสิวแบบพีคสุด ๆ อย่างผู้หญิงฮอร์โมนจะแกว่งตอนที่รอบเดือนมาหรือกำลังตั้งครรภ์ ส่วนผู้ชายฮอร์โมนจะพลุ่งพล่านไปตามธรรมชาติ ในช่วงวัยรุ่นหรือในช่วงเครียด ๆ
กรรมพันธุ์ของแต่ละบุคคล ทำให้ผิวหนังแตกต่างกันออกไปทั้งโครงสร้างของผิว การสร้างไขมันที่มากหรือน้อยเกินไป ความสามารถในการซ่อมแซมผิวหนังระหว่างการเกิดสิวและการซ่อมแซมเมื่อหายจากอาการของสิวอักเสบแล้ว
ชอบวุ่นวายกับใบหน้า เช่น การจับ ลูบ แคะ แกะ เกาใบหน้าอยู่บ่อย ๆ เราต้องอย่าลืมว่ามือเราไปจับอะไรมาบ้างในแต่ละวัน ถ้าเราไม่ได้ล้างมือ แล้วมาสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ก็อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือนำพาแบคทีเรียมาทำให้สิวที่มีอยู่เกิดการอักเสบได้อีกด้วย, การขัดหน้าบ่อย ๆ อาจกลายเป็นสาเหตุทำให้สิวเห่อได้ เพราะเวลาที่เราขัดหน้า นั่นหมายถึงเรากำลังทำให้ผิวหน้าหนาขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้รูขุมขนตีบลง น้ำมันที่ควรจะออกมาก็ออกมาไม่ได้ (ขัดหน้าได้แต่อย่าบ่อย ถ้าเป็นสิวอยู่ก็ไม่ต้องขัด รอให้หายก่อนดีกว่าแล้วจึงค่อยขัด), การล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือมากกว่าวันละ 2 ครั้ง จะเป็นการกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากผิดปกติ, พฤติกรรมบางอย่างที่รบกวนผิวหน้า เช่น บางคนชอบเอามือเสยผม บางคนชอบบีบจมูก ใช้โทรศัพท์แนบกับแก้มขณะสนทนา หรือชอบนั่งเท้าคางหรือแก้มเป็นประจำ เป็นต้น
กิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เช่น การไม่รักษาความสะอาด, การล้างหน้าหรือเครื่องสำอางไม่สะอาด, การใช้ผลิตภัณฑ์ปกปิดตำหนิต่าง ๆ หรือเครื่องสำอางที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม, การใช้ครีมหรือแป้งที่อาจเป็นต้นเหตุของสิวบนใบหน้า, การสวมหมวกหรือหมวกกันน็อกโดยไม่เคยซักทำความสะอาด, การนอนตะแคงแล้วน้ำลายไหลออกมาด้านข้าง, อาชีพแม่ครัวที่ได้รับควันจากสารพวกไขมันและน้ำมันต่าง ๆ, ช่างเครื่องที่ทำงานกับน้ำมัน, คนที่ใช้กระดาษคาร์บอน เป็นต้น

ล้างหน้าผิดวิธี อย่าคิดไปเองว่าแค่การใช้โฟมล้างหน้าปกติจะช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณสะอาดแบบหมดจด แม้จะเอามือลูบหน้าแล้วก็ไม่รู้สึกว่ามีความมันหลงเหลืออยู่หรือมีอะไรตกค้าง เพราะเครื่องสำอางที่เราโปะไปบนใบหน้านั้นมันไม่สามารถล้างออกได้ด้วยโฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียว สุดท้ายเครื่องสำอางเหล่านั้นก็จะผสมกับโฟมล้างหน้าจนเกิดการอุดตันจนทำให้สิวผุดขึ้นมา และยังรวมไปถึงคนที่ไม่แต่งหน้า พอหน้ามันแล้วก็ล้างหน้ามันทั้งวัน แทนที่สิวจะหายก็กลายเป็นการกระตุ้นการเกิดสิวเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ความมันบนใบหน้า ความมันเป็นสิ่งที่สิวชอบมากเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาจนทำให้หน้ามัน แล้วเราก็ปล่อยไว้อย่างนั้น โดยไม่หาทางทำความสะอาดออกมา เจ้าน้ำมันก็จะตันอยู่ในรูขุมขน พอมันอยู่นาน ๆ เข้าก็จะไปผสมกับเซลล์ที่ตายแล้วและทำให้เกิดเป็นสิวอุดตันอยู่ในนั้น ซึ่งเจ้าสิวชนิดนี้นี่แหละที่เป็นตัวการสำคัญทำให้มีปัญหาสิวชนิดอื่นตามมาแบบไม่รู้จบ
เครียดมากเกินไปแถมนอนดึกอีกต่างหาก นับว่าเป็นพฤติกรรมยอดฮิตของคนเมืองเลยก็ว่าได้ คุณสามารถสังเกตได้เลยว่าในช่วงสอบหรือในช่วงที่ต้องเร่งส่งงาน เราจะมีโอกาสเป็นสิวเพิ่มมากขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวที่ว่าจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้ยิ่งเป็นสิวมากขึ้น
มลภาวะและแสงแดด สำหรับคนที่ทำงานในห้องแอร์คงไม่ต้องกังวลเรื่องแดดมากนัก แต่ใช่ว่าจะหลบสิวพ้นซะเมื่อไหร่ เพราะการอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ จะทำให้ผิวแห้ง และอากาศที่วนเวียนอยู่ในนั้นยังอาจไม่สะอาดเพียงพอจนไปกระตุ้นการเกิดสิวได้ ส่วนคนที่หลีกเลี่ยงแสงแดดไม่พ้น ความร้อนจากแสงแดดจะทำให้น้ำในผิวระเหยออกไป เมื่อหน้าแห้ง ต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้ามันและเป็นสิวเพิ่มในที่สุด และยิ่งสภาพอากาศในบ้านเราที่ทั้งร้อนและชื้นแบบนี้ ก็ยิ่งเป็นที่มาของการเกิดสิวผดและสิวชนิดอื่น ๆ ได้อีกด้วย
การสูบบุหรี่ มีงานวิจัยหลายงานที่ชี้ว่า การสูบบุหรี่จะทำให้เส้นเลือดตีบ ทำให้ผิวหนังชั้นนอกได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอ เมื่อผิวอันสวยใสของเราได้รับสารอาหารน้อยลง ก็จะทำให้ผิวไม่แข็งแรงพอที่จะฟื้นฟูตัวเองยามสึกหรอ ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากแบคทีเรียได้ดีเท่าที่ควร จนทำให้เกิดสิวอุดตันทั้งหัวขาวและหัวดำในที่สุด
อาหารที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว เช่น สาหร่ายทะเล ผักขม และหอย ซึ่งมีไอโอดีนและฟลูออไรด์ที่ทำให้เป็นสิวมากขึ้น รวมไปถึงแป้ง น้ำตาล นมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ที่หากทานมากไปก็อาจทำให้สิวอักเสบกำเริบได้ เนื่องจากในน้ำนมจะมีฮอร์โมนแอนโดรเจน และสารที่เป็นตัวกระตุ้นสิวผสมอยู่ เช่น คาร์โบไฮเดรต, ไอโอดีน, โอเมก้า 6 เป็นต้น และในปัจจุบันได้มีงานวิจัยออกมายืนยันแล้วว่า “อาหารไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงที่ทำให้เกิดสิวได้ แต่สารที่อยู่ในอาหารต่างหากที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว” หรือในคนมีระบบน้ำเหลืองในร่างกายไม่ดี พอกินอะไรเข้าไปก็อาจมีสิวโผล่บนใบหน้าได้ง่าย และที่สำคัญคนกลุ่มนี้มักไม่รู้ตัวด้วยว่าอาหารและระบบน้ำเหลืองมีความสัมพันธ์กับการเกิดสิว เลยทานอาหารกันอย่างไม่ระมัดระวัง พอเป็นสิวก็ทำให้เครียด พอเครียดสิวก็เห่ออีก จึงกลายเป็นปัญหาไม่รู้จบนั่นเอง ถ้าคุณเป็นแผลแล้วหายยาก แถมมีหนองแทบทุกครั้งที่เป็นแผล ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าระบบน้ำเหลืองเราอาจไม่ดี และให้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารทะเล อาหารรสจัด และหน่อไม้
ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม อย่างบางคนเป็นสิวง่ายและแพ้ง่ายอยู่แล้ว แต่ก็ยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมทั้งน้ำหอมและแอลกอฮอล์ พอใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มันก็จะเกิดการระคายเคือง แล้วก็จะเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง รวมถึงคนที่ชอบซื้อสกินแคร์ตามแฟชั่น อยากลองใช้ของใหม่ ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเจอสิ่งที่เหมาะกับตัวเองอยู่แล้ว ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน
ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดสิว ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามได้แสดงรายการส่วนประกอบของเครื่องสำอางที่อาจทำให้ใบหน้าที่เนียนสวยกลายเป็นมีสิวได้ โดยเฉพาะกับคนหน้ามัน จะยิ่งกลายเป็นสิวมากขึ้น มีดังนี้ สารสกัดจากสาหร่าย, ลาโนลิน, โกโก้, ไขมะพร้าว, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันเมล็ดฝ้าย Acetol acetilan, Amberate P, Butyl Sterate, Colloidal Sulfur, Crude coal tar, Decyl oleate, D & C Red #17,21,3, Glyceryl Stearate SE, Isocetyl Stearate, Isopropyl Isostearate, Isopropyl Myristate, Isopropyl Palmitate, Isopropyl lanolate, Isosteary neopentanoate, Lauric 23, 4, Lauric acid, Lanosterin, Langogene, Myristic acid, Octyl Palmitate, Octyl Stearate, Oleth-3, PEG 75 Lanolin, PEG 16 Lanolin, PEG 8 Stearate, Propylene Glycol Monostearate, Sterolan, Sodium Chloridem Sodium Laureth Sulfate, Sodium Lauryl Sulfate, *Crisco, *Hygrogenated Vegetable Oil, *Myristyl myristate, Mink Oil, PG 2 myristyl propionate, *Sulfonated Castor Oil และผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า คุณควรจะระมัดระวังเครื่องสำอางที่มีฉลากเขียนว่า “ได้รับการทดสอบจากผู้ชำนาญด้านความงามแล้ว“, “ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้” และที่ระบุว่า “ผสมตัวยา” เพราะเครื่องสำอางเหล่านี้ยังอาจก่อให้เกิดสิวได้ เพราะยังอาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เป็นสิวตามที่ระบุไว้ในรายการนี้ ดังนั้นทางที่ดี คุณควรอ่านฉลากสักนิดว่าเครื่องสำอางนั้นมีส่วนประกอบดังกล่าวและทดสอบว่าเครื่องสำอางนั้นมีน้ำมันหรือไม่
อุปกรณ์แต่งหน้าที่หมักหมม ไหนจะแปรงปัดแป้ง แปรงปัดแก้มสารพัดที่เราจะใช้ เมื่อใช้แล้วก็อย่าลืมล้างทำความสะอาดแปรงหลังการใช้ด้วยล่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์แต่งหน้ากลายเป็นบ้านของแบคทีเรียจนทำให้เกิดสิว
สิ่งประทินผม เช่น สีย้อมผม แชมพูขจัดรังแค น้ำมันใส่ผม สเปรย์แต่งผม และเหงื่อจากหนังศีรษะ
ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ก็อาจทำให้บางคนเกิดเป็นสิวขึ้นบริเวณมุมปากไปจนถึงคางรวมถึงบริเวณใกล้เคียงได้ ซึ่งสิวลักษณะนี้จะค่อนข้างรักษาได้ยากและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีทั่วไป แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ อาการของสิวก็จะดีขึ้นเอง
ยาบางชนิด ในระหว่างที่เราทานยาเพื่อรักษาอาการหรือโรคที่เป็นอยู่ ยาเหล่านั้นอาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้เช่นกัน เพราะยาบางตัวอาจมีสารที่ไปกระตุ้นให้ฮอร์โมนและเคมีในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ยาต้านอาการชัก (Hydantoin derivatives, Phenobarbitol, Trimethadione), ยาสำหรับต้านเชื้อวัณโรค (Ethambutol, Ethionamide, Isoniazid), ยาที่มีธาตุในหมู่ฮาโลเจน (Halogen) เป็นส่วนประกอบอย่างคลอไรด์และไอโอดีน, ยาที่มีผลต่อฮอร์โมนโดยตรง อย่าง androgenic hormones (มีผลมากกับผู้หญิง) corticosteroids, depoprovera, DHEA และ oral contraceptives, ยาอื่น ๆ (Antabuse, Dantrolene, Lithium salts, Maprotiline, Psoralens, Quinine, Rifampin, Thiouracil, Thiourea), ยาปฏิชีวนะ, ยาสเตียรอยด์ทั้งชนิดทาและกิน เป็นต้น ถ้าหากคุณกำลังใช้ยาเหล่านี้อยู่ คงต้องทำใจและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางแก้ไขกันต่อไป
วิธีรักษาสิว
อยากสิวหายต้องใจเย็น ข่าวร้ายที่เราควรรู้เอาไว้ก็คือ “เราไม่มีทางทำให้สิวหายขาดได้” และ “การรักษาก็ไม่มีทางลัดให้เดินหลายทาง” การรักษาสิวจึงต้องใช้ความตั้งใจ ความใจเย็น และความอดทน ยิ่งคนที่ใช้ยาที่สกัดมาจากวิตามินเอก็ต้องทำใจไว้เลย เพราะยาจะออกฤทธิ์ช่วยดันสิวอุดตันให้โผล่ออกมาบนผิว และอาจต้องใช้เวลาอย่างต่ำกว่า 8 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลชัดเจน ทำให้บางคนรอไม่ไหว หรือเห็นสิวโผล่ขึ้นมาระหว่างการรักษาก็ทำให้ถอดใจ จึงทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง สุดท้ายเมื่อสิวลุกลามจนเกินเยียวยาได้ด้วยตัวเอง ก็หันไปรักษาด้วยวิธีอื่นที่ทำให้ต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก
ปรับเปลี่ยนทัศนคติ หลาย ๆ คนมักคิดว่าที่ตัวเองเป็นสิวนั้นเกิดจากการรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ ตัวเองสกปรก และคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วสิวเกิดมาได้จากหลายสาเหตุมาก ซึ่งหลาย ๆ อย่างเราเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น คุณควรปรับเปลี่ยนความคิดและทัศนคติเสียใหม่ว่า “ที่สิวมันเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เพราะเราสกปรกผิดจากชาวบ้าน แต่จริง ๆ แล้วสิวมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อมีสิวขึ้นมาแล้วก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะเริ่มรักษาอย่างถูกวิธีและมันก็จะหายไปได้เอง” ถ้าเราปรับความคิดใหม่ได้ จะทำให้ความเครียดส่วนนี้ลดน้อยลง ทำให้การรักษาสิวได้ผลดีมากขึ้น
สังเกตตัวเองสักนิด ให้ลองสังเกตว่าเรามักจะเป็นสิวตอนไหน หน้าร้อนหรือหน้าฝน และในช่วงนั้นได้ไปทำอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือเปล่า เช่น เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิว เปลี่ยนแชมพู เป็นต้น เมื่อเราสังเกตตัวเองจนทราบแล้วว่า ช่วงไหนที่สิวถามหาเรา ก็ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ หรือบางคนเจอสิวบุกหนักเพราะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์ที่เป็นออยเบส ก็ให้หลีกเลี่ยง
รักษาก่อนบำรุง ในระหว่างการรักษาสิวคุณต้องมีสติในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มากถึงมากที่สุด อย่าเพิ่งคิดบำรุงผิวในช่วงนี้ แต่ให้หันมารักษาสิวให้หายก่อน โดยระหว่างการรักษาคุณควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ประเภทออยเบส โคโค่บัตเตอร์ เปปเปอร์มินต์ออย เพราะตอนที่เราเป็นสิว ผิวของเราจะเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ยิ่งพวกครีมเนื้อหนัก ๆ ก็ให้เลี่ยงเลย ถ้าไม่อยากให้มันอุดตันรูขุมขนมากขึ้น แต่สำหรับคนผิวแห้ง คุณอาจต้องการการบำรุงบ้าง โดยให้เลือกใช้เจลว่านหางจระเข้มาเป็นมอยเจอไรเซอร์ไปก่อน
ลดความมันบนใบหน้า หากรู้ตัวว่าหน้ามันจนทอดไข่ได้ คุณควรจะล้างหน้าเพื่อเอาความมันออกซะบ้าง แต่อย่าล้างหน้าบ่อย ๆ ล่ะ เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นการเกิดสิวได้ แต่ถ้าคุณหน้ามันมากจนเกินเยียวยาได้ด้วยตัวเอง ก็ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขที่ต้นเหตุ โดยแพทย์อาจจะต้องใช้ยาเพื่อควบคุมฮอร์โมนแอนโดรเจนเอาไว้ (ส่วนนี้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น)
หยุดเซาน่าและสตรีม ในระหว่างการรักษาสิว คุณควรหยุดการเซาน่าและสตรีมไปก่อนอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะมันจะทำให้ผิวทั้งร้อนและชื้น สิวที่มีก็จะเห่อขึ้น รูขุมขนกว้างขึ้น บริเวณที่มีแนวโน้มจะเป็นสิวก็อาจเกิดสิวขึ้นมาได้อย่างคาดไม่ถึง แต่ให้หันมาออกกำลังกายแทนจะดีกว่า
ล้างหน้าให้ถูกวิธีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เราควรจะล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวเพียงวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น แต่ถ้าหากหน้ามันมากจริง ๆ ก็อาจล้างได้ไม่เกินวันละ 3 ครั้ง เวลาล้างต้องล้างให้สะอาดหมดจดจนแน่ใจว่าไม่เหลือสิ่งสกปรกอยู่บนใบหน้า ถ้ามีเหงื่อออกหรือหน้ามันระหว่างวันคุณควรจะล้างหน้าด้วย “น้ำเปล่า” แล้วซับให้แห้ง (แต่อย่าล้างบ่อย เพราะจะยิ่งทำให้หน้ามันมากขึ้น) และก่อนจะลงผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามคุณควรซับหน้าให้แห้งก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิว (เรื่องที่เกี่ยวข้อง : การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี, ขั้นตอนการล้างหน้าที่ถูกวิธีอย่างละเอียด)
ดื่มน้ำเพื่อล้างพิษ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และน้ำยังเป็นตัวช่วยในการนำสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้ถูกขับออกมาด้วย ดังนั้นจงจำไว้เลยว่า เราควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างพิษ คุณควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีและวิตามินอีด้วย เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวให้แข็งแรง สำหรับคนที่โดนสิวบุกมาก ๆ คุณอาจผสมน้ำมะนาวลงไปในน้ำแก้วแรกของวันก็ได้ ซึ่งวิธีนี้พบว่าใช้ได้ผลในหลายคน ในการช่วยล้างพิษได้อย่างหมดจด
กำจัดความเครียด คุณควรอารมณ์ดีเข้าไว้ พยายามทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ เพราะเมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนตัวที่สามารถไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และต่อให้ป้องกันการเกิดสิวได้ดียังไง แต่ยังเครียดอยู่ก็คงหนีไม่พ้นที่จะมีสิวผุดขึ้นมาอย่างแน่นอน โดยมีงานวิจัยที่ได้สรุปว่า “เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้นจะทำให้การอักเสบของสิวเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น โดยคิดเฉลี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์มากถึง 93.5%” และเชื่อไหมว่าบางคนยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่ากำลังเครียดอยู่ แต่คุณสามารถสังเกตความเครียดได้จากพฤติกรรมดังต่อไปนี้ครับ คือถ้ามีมากข้อเท่าไรก็ยิ่งเครียดมากเท่านั้น เช่น นอนไม่หลับทั้ง ๆ ที่เลยเวลานอนแล้ว, ไม่อยากเจอหน้าผู้คนหรือต้องการหลบปัญหา, ระเบิดอารมณ์กับทุก ๆ เรื่องได้ง่าย แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม, ดื่มเหล้ามากขึ้น, ไม่อยากรับประทานอาหาร, ชอบกัดเล็บตัวเองโดยไม่รู้ตัว, ดึงผมตัวเองอยู่บ่อย ๆ เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณมีมากกว่า 4 อย่างขึ้นไป นั่นหมายความว่าเรากำลังเครียดในระดับสูง ก็ให้รีบหาทางจัดการมันซะ เพราะยิ่งเครียดสิวก็ยิ่งเยอะ

นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับนับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะตอนเราหลับร่างกายจะหลั่งสารโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยซ่อมแซมร่างกายของเราได้ในขณะหลับ ช่วยทำให้ผิวหนังส่วนที่สึกหรอรวมถึงแผลที่เป็นอยู่ให้หายไวขึ้น ส่งผลกับผิวหน้าและผิวกายของเราโดยตรง คือ รูขุมขนจะมีการซ่อมแซมตัวเอง ทำให้สิ่งสกปรกจากภายนอกเข้ามาในรูขุมขนได้ยากขึ้น และการนอนดึกยังเกี่ยวข้องกับความเครียดอีกด้วย เมื่อร่างกายเกิดความเครียดก็จะทำให้ผิวอ่อนแอลง ส่งผลให้แบคทีเรียตัวร้ายเข้ามาจู่โจม ทำให้เราเกิดสิวอักเสบได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
หลีกเลี่ยงแสงแดด ปกป้องผิวตัวเองจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ ใส่แว่นกันแดดเพื่อถนอมตา สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิว และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความร้อนและความชื้นสูง เพราะนอกจากจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวแล้ว มันยังเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและสีผิวที่ดำคล้ำได้อีกด้วย
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิว ผลิตภัณฑ์ความงามในปัจจุบันนั้นมีมากมาย จนเราเองก็ปวดหัวในการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ก็มีสรรพคุณแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเวลาเราเลือกใช้ นอกจากจะเลือกให้มาช่วยแก้ไขและบำรุงผิวหน้าแล้ว เราต้องเชื่อมั่นด้วยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะไม่เอาสิวมาฝากเราด้วย เคล็ดลับก็ง่าย ๆ คือผลิตภัณฑ์ที่เราจะใช้ต้องมีคุณสมบัติไม่ทำให้เกิดการอุดตัน ช่วยกำจัดแบคทีเรีย และมี อย. รับรอง ถ้าอ่านป้ายแล้วเจอข้อความ non comedogenic ก็เป็นอันใช้ได้ (เรื่องที่เกี่ยวข้อง : วิธีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของผิวแต่ละสภาพ, ข้อควรระวังในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของผิวแต่ละสภาพ, การดูแลและบำรุงผิวหน้าของผิวแต่ละสภาพ)
หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน แล้วหันมาใช้กระดาษทิชชูสำหรับใบหน้าในการซับน้ำมันส่วนเกินแทน เพราะการใช้กระดาษซับมัน จะทำให้น้ำมันถูกซับออกไปจนหมด ส่งผลทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะมันคิดว่าผิวเราแห้งจนเกินไป คราวนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เลยล่ะ แต่ถ้าการใช้ทิชชูในการซับหน้ายังไม่สามารถสร้างความรู้สึกสบายให้ใบหน้าได้ ก็แนะนำให้เลือกฉีดสเปรย์น้ำแร่แล้วใช้ทิชชูซับออกเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับผิวหน้าก็ได้
ยาคุมกำเนิด นับเป็นโชคดีของสาว ๆ ที่เราสามารถควบคุมสิวที่เกิดจากฮอร์โมนแอนโดรเจนได้ด้วยการทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากยาคุมกำเนิดนั้นมีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrigen) ที่จะเข้าไปกดการทำงานของฮอร์โมนแอนโดรเจน แต่เห็นมันมีข้อดีอย่างนี้แล้วก็อย่าเพิ่งดีใจไปล่ะ เพราะมันก็มีผลเสียอยู่บ้างที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และมีผลในด้านลบต่อคนที่เป็นโรคหัวใจ รวมไปถึงอาจทำให้เกิดปัญหาเส้นเลือดอุดตันได้
มะเขือเทศ จัดว่าเป็นยาวิเศษจากธรรมชาติที่สามารถพิฆาตสิวได้เป็นอย่างดี เพราะมะเขือเทศมีทั้งวิตามินเอที่ช่วยเสริมสร้างผิวให้มีสุขภาพดี มีวิตามินซีที่ช่วยในเรื่องของความขาวใสและสมานรอยแผล อีกทั้งยังมีคุณสมบัติทำให้ผิวเย็นลง ช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกิน ต้านอนุมูลอิสระ และทำให้รูขุมขุมกระชับได้อีกด้วย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เราจึงใช้ประโยชน์จากมะเขือเทศในการป้องกันการเกิดสิวได้อย่างยอดเยี่ยม วิธีการก็ไม่ยากเพียงแค่คุณคั้นเอาน้ำมะเขือเทศมาทาลงบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า ก็จะช่วยป้องกันการเกิดการสิวได้แล้วล่ะ (วิธีนี้เราจะใช้ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกว่าสิวอุดตันมันเริ่มจะเป็นไตแข็ง ๆ และเจ็บ ที่เป็นสัญญาณของสิวอักเสบ ซึ่งการทาน้ำมะเขือเทศจะช่วยป้องกันการอักเสบได้ ส่วนสิวอุดตันที่เป็นไตแข็งก็จะค่อย ๆ ยุบตัวลงไปเอง)

ผิวส้ม ให้นำผิวส้มมาปั่นกับน้ำสะอาดจนได้เป็นเนื้อครีมข้น แล้วนำเนื้อครีมที่ได้มาทาบาง ๆ บนสิวและรอบ ๆ สิว ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก เพียงเท่านี้สิวของคุณก็จะค่อย ๆ ยุบลงแล้วล่ะ
กระเทียม ให้นำกระเทียมสดมาฝานเป็นแว่นบาง ๆ แล้วใช้กระเทียมค่อย ๆ ลูบไล้บริเวณที่เป็นสิว วิธีนี้จะช่วยลดรอยแดงของสิวและทำให้สิวยุบตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
มะละกอ ให้คุณนำมะละกอดิบมาปั่นทั้งเมล็ด จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำนำมาแต้มบาง ๆ บริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก จะช่วยลดการอักเสบของสิวได้ แต่วิธีนี้จะไม่เหมาะกับคนผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย
น้ำคั้นใบสะระแหน่ ให้คั้นน้ำจากใบสะระแหน่สด นำมาทาบาง ๆ ให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำทุกวัน ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยล้างออกให้สะอาด วิธีนี้นอกจากจะช่วยรักษาสิวได้แล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดเม็ดผื่นคันและโรคผิวหนังอย่างโรคหิดและกลากเกลื้อนได้อีกด้วย
น้ำมันถั่วลิสงผสมน้ำมะนาว ให้คุณใช้น้ำมันถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำมะนาวคั้นสด 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทาบาง ๆ ให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยป้องกันการเกิดสิวอักเสบและสิวหัวดำได้เป็นอย่างดี
น้ำมะนาวผสมอบเชย ให้ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา นำมาผสมกับผงอบเชย 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ล้างหน้าให้สะอาดและซับให้แห้ง จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาแต้มบาง ๆ บริเวณที่เป็นสิวประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด จะช่วยทำให้สิวค่อย ๆ ยุบตัวลง แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย
น้ำมะนาวผสมนมสด ให้คุณนำน้ำมะนาวสดมาผสมกับนมสดอุ่น ๆ ใช้ล้างผิวหน้าทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยลดการเกิดสิวอักเสบ สิวหัวดำ และช่วยบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่มไม่แห้งแตก
น้ำมะนาวผสมน้ำคั้นจากดอกกุหลาบ ให้คุณผสมน้ำมะนาวเข้ากับน้ำคั้นจากดอกกุหลาบในปริมาณเท่ากัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยทำให้สิวยุบลงได้ และยังช่วยทำให้หน้าขาวดูสดใสได้อีกด้วย
น้ำผึ้งผสมไข่ขาวและน้ำมะนาว ให้คุณใช้น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง แล้วเติมน้ำมะนาวลงไปอีก 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทาให้ทั่วใบหน้ายกเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก และล้างปิดท้ายด้วยน้ำเย็น เสร็จแล้วให้ทาครีมบำรุงผิว
สิวอุดตัน สิวที่ชอบเก็บตัวอยู่กับรูขุมขนบนใบหน้า ยิ่งนานวันก็ยิ่งฝังตัวแน่น ดูวิธีการป้องกันและรักษาสิวอุดตันอย่างละเอียดได้ที่บทความ 18 วิธีรักษาสิวอุดตัน (สิวหัวดำ & สิวหัวขาว) อย่างได้ผล 100%

สิวอักเสบ สิวชนิดที่เป็นร่างแปลงของสิวอุดตัน ที่พัฒนาขึ้นมาด้วยอาหารเสริมอย่างเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากน้ำมือของเจ้าของใบหน้า ที่ชอบไปล้วงแคะแกะเกา หากคุณเป็นสิวชนิดนี้อยู่ สามารถดูวิธีป้องกันและรักษาสิวอักเสบได้ที่บทความ 13 วิธีรักษาสิวอักเสบ ! หน้าเป็นสิวอักเสบทำไงดี ??

สิวเสี้ยน ฟังชื่อแล้วเหมือนจะเป็นแค่ปัญหาเล็ก ๆ แต่มันกลับสร้างปัญหาได้เยอะเลยทีเดียว เพราะเมื่อไหร่ที่เราขับไล่มันไป มันก็จะทิ้งรูขุมขนกว้างไว้ให้เจ้าของใบหน้าได้ช้ำใจ ดูวิธีการป้องกันและรักษาสิวเสี้ยนอย่างละเอียดได้ที่บทความนี้ 16 วิธีกำจัดสิวเสี้ยน & สูตรลอกสิวเสี้ยน แบบสะใจ !!

สิวผด ร้อนเมื่อไหร่ได้เจอกันทุกที ชื้นเมื่อไหร่มันก็จะมาอีก ยิ่งอากาศทั้งร้อนและชื้นแบบบ้านเรามันยิ่งชอบ แม้จะไม่ร้ายกาจเท่าสิวชนิดอื่น ๆ แต่มันก็สร้างความรำคาญใจได้ไม่น้อยเลยล่ะ เพราะถ้าเผลอไปแคะแกะเกาล่ะก็ มันก็พร้อมจะกลายร่างเป็นสิวที่ร้ายกาจได้ทุกเมื่อ สามารถดูวิธีการป้องกันและรักษาสิวผิดได้ที่บทความ 13 วิธีรักษาสิวผด ! หน้าเป็นสิวผดทำไงดี ??

ยารักษาสิว

คราวนี้เรามาลงลึกกันถึงวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวกันอย่างถูกวิธีกันดีกว่า เพื่อให้การดูแลรักษาเกิดผลสำเร็จได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่าขั้นตอนในการดูแลผิวเมื่อเป็นสิวและยาชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับการกำจัดสิวจะต้องใช้อย่างไร ถึงจะจัดการกับเจ้าสิวตัวร้ายได้อย่างอยู่หมัด



Benzac (เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์)



เรตินเอ (ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอลเอ)



คลินดาลิน



บีเอชเอ (BHA)
ขั้นตอนการทาผลิตภัณฑ์รักษาสิว
สำหรับกลางคืน ให้คุณเริ่มจากการใช้ยาบีพีเพื่อฆ่าเชื้อพีแอคเน่ โดยทาทิ้งไว้ไม่เกิน 30 นาที หลังจากนั้นให้ล้างหน้าตามปกติ แล้วทาด้วย AHA/BHA และต่อด้วยผลิตภัณฑ์ประเภทเรตินอยด์เพื่อละลายสิวอุดตันและสิวเสี้ยน (ยากลุ่มนี้จะค่อนข้างไวต่อแสง แนะนำว่าทาเสร็จแล้วก็ให้ปิดไฟไปเลย แล้วรอประมาณ 15-20 นาที ก่อนจะลงยาตัวต่อไป เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของยา) ในขั้นตอนต่อมาถ้าคุณมีสิวอักเสบก็ให้แต้มหัวสิวอักเสบด้วยคลินดามัยซิน และบำรุงผิวเป็นจบขั้นตอน
สำหรับกลางวัน ขั้นตอนจะไม่ยุ่งยากเหมือนตอนกลางคืน โดยให้เริ่มจากการล้างหน้าตามปกติ แล้วทาครีมบำรุง ตามด้วยครีมกันแดด เป็นอันจบ
คุณสมบัติของยารักษาสิว

ชื่อยาลดสิวอุดตันฆ่าเชื้อพีแอคเน่ลดการอักเสบเบนซอยเปอร์ออกไซด์ (BP) ปานกลาง ดี ปานกลาง
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอลเอ ดี ไม่มีผล ปานกลาง / ไม่มีผล
คลินดามัยซิน ไม่มีผล ดี ดี
บีเอชเอ ปานกลาง ไม่มีผล ไม่มีผล


การดูแลรักษาสิวในระดับต่าง ๆ


-สิวระดับเล็กน้อยสิวระดับปานกลางสิวระดับรุนแรงลักษณะ มีสิวอุดตันหัวดำและหัวขาว + มีสิวอุดตันบ้างแต่ไม่เกิน 10 หัว มีสิวอุดตันหัวดำและหัวขาว + มีสิวอักเสบเกือบตลอด โดยมีสิวอักเสบแบบต่าง ๆ เกิน 10 หัว (ไม่รวมสิวแบบ Cyst) มีสิวทุกประเภท + มีสิวอักเสบทุกแบบกระจายอยู่ทั่วบริเวณใบหน้า
การดูแล ใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์) + BP ใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์) + BP + ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ / ทานฮอร์โมน ทานยาภายใต้การดูแลของแพทย์
การรักษา - ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + ทานฮอร์โมน + ใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + BP + คลินดามัยซิน ใช้ยาต้านการอักเสบ + ยาในกลุ่มวิตามินเอ + ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + BP + คลินดามัยซิน + ทานฮอร์โมน


หมายเหตุ : การใช้ยาเหล่านี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ คุณไม่ควรไปหาซื้อยาเหล่านี้มารับประทานหรือทาด้วยตัวเอง อีกทั้งวิธีการรักษาสิวในแต่ละระดับก็แตกต่างกันไปตามประเภท อายุ และสุขภาพของผู้เป็นสิว แต่สำหรับผู้ที่เป็นสิวไม่รุนแรงมากนัก คุณอาจใช้แนวทางที่แนะนำไปข้างต้น นำไปปรับใช้ในการดูแลตัวเองได้

เคดิตเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)